3 ก.ค. 2560

กรรมไม่สามารถลบล้างให้เกลี้ยงได้ แต่กิเลสล้างได้



        วิบากกรรมที่เราทำมาในอดีตนั้นมีมากมายนับไม่ถ้วน ตั้งแต่ชาติปางก่อน ๆ เป็นร้อยเป็นพันชาติหาจุดเริ่มต้นไม่ได้ จะล้างให้หมดได้อย่างไรกัน เธอต้องออกจากภพชาติให้ได้เท่านั้น อย่างเช่นพระอรหันต์เจ้า ท่านดับภพจบชาติได้แล้ว ไม่ได้หมายความว่าท่านลบล้างวิบากกรรมได้หมด เพราะวิบากกรรมนั้นอย่างไรก็ล้างไม่หมดแน่นอน

        ในลัทธินอกศาสนาพุทธทั้งหกในอินเดียมีบางลัทธิที่ปฏิบัติด้วยการทรมานตน บำเพ็ญทุกรกิริยา พวกเขาก็รู้ดีว่าวิบากกรรมในอดีตนั้นมีมากมาย ต้องได้รับทุกข์แน่นอน พวกเขาจึงคิดไปว่าจะล้างวิบากเหล่านั้นให้หมดไป จึงทรมานตนเองอย่างเอาเป็นเอาตายทีเดียว เป็นการปฏิบัติด้วยการทำให้ตนเองต้องรับทุกข์ โดยคิดเอาว่าเมื่อได้รับทุกข์จนหมดสิ้นแล้วก็จะหลุดพ้น ก็จะบรรลุธรรม

        วิธีนี้เป็นวิธีการที่โง่เขลามากของคนไร้ปัญญา เพราะแม้แต่ตอนที่ท่านทรมานตนเองอยู่นั้นก็ได้สร้างวิบากกรรมใหม่อยู่ตลอดเวลา

        โดยเฉพาะมโนกรรม เกิดเป็นวิบากอยู่อย่างต่อเนื่องทีเดียว อีกทั้งกายกรรม วจีกรรมก็ด้วย วิบากกรรมอันเกิดแต่อดีตตั้งแต่ชาติก่อน ๆ นับไม่ถ้วน หาจุดเริ่มต้นไม่ได้ มีมากมายคณานับ จะล้างให้หมดสิ้นได้อย่างไร

        มีแต่ต้องล้างกิเลสให้สิ้นเกลี้ยงเท่านั้น เมื่อไม่มีกิเลสไปหล่อเลี้ยงเมล็ดพันธุ์ของวิบากกรรมเหล่านั้นแล้ว วิบากกรรมก็จะแห้งเฉาตายไปเอง จะไม่งอกขึ้นมาอีก ข้อนี้มีกล่าวไว้ในคัมภีร์ 俱舍 อย่างชัดเจน

        ดังนั้น การหลุดพ้นจากการเกิดการตายก็คือการดับกิเลสทั้งปวง ส่วนวิบากกรรมนั้นล้างไม่หมดหรอก เหตุนี้ พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าต้องหลีกห่างจากเหตุแห่งทุกข์ทั้งสิ้น ซึ่งก็คือตัดกิเลสให้ขาดสิ้นทั้งหมดนั่นเอง


เขียนโดย 智敏上师
ที่มา http://foxue.qq.com/a/20170629/014515.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ทำไมผมจึงเลิกกินเนื้อสัตว์

        วันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลาประมาณบ่ายโมง ผมกุมมือแม่อยู่ข้างเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล พร่ำพูดที่ข้างหูของแม่ว่าให้นึกถึงความดี...