1 ต.ค. 2560
ทำไมผมจึงเลิกกินเนื้อสัตว์
วันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลาประมาณบ่ายโมง ผมกุมมือแม่อยู่ข้างเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล พร่ำพูดที่ข้างหูของแม่ว่าให้นึกถึงความดีที่เคยทำมา ถ้าทนไม่ไหวก็ไปได้เลย ไม่ต้องทนเจ็บอีกแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรอีกแล้ว ทุกคนจะอยู่กันต่อไปได้... ผมพูดซ้ำซากวนเวียนอยู่อย่างนั้นทั้งที่ไม่มั่นใจว่าแม่จะยังรับรู้ได้หรือไม่ เพราะฤทธิ์ของมอร์ฟีนทำให้แม่นอนนิ่ง ๆ มาหลายชั่วโมงแล้ว มีเพียงเส้นยึกยือในจอเครื่องวัดชีพจรกับไอน้ำในที่ครอบจมูกของเครื่องช่วยหายใจเท่านั้นที่ยืนยันให้รู้ว่า ณ นาทีนั้นแม่ยังอยู่กับผม
แม่ผมเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเต้านม การเจ็บป่วยของแม่ในครั้งนั้นมีผลอย่างมากต่อชีวิตของผม จะเรียกว่าเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตที่ดำเนินมาอย่างครึ่งหลับครึ่งตื่นเป็นเวลา ๔๓ ปีก็ว่าได้ การเจ็บป่วยและเสียชีวิตของแม่เป็นเหมือนสะพานเชื่อมต่อให้ชีวิตผมได้หันเหเข้ามารู้จักกับคำสอนของพระสมณโคดมอย่างแท้จริง และเริ่มต้นฝึกฝนพากเพียรประพฤติปฏิบัติตามคำสอนของพระศาสดาและครูบาอาจารย์มาเรื่อย ๆ ผมรู้สึกสำนึกขอบคุณในคุณค่าที่ยิ่งใหญ่จากความเจ็บปวดทุกข์ทรมานครั้งสุดท้ายในชาตินี้ของแม่ที่เป็นแรงผลักให้ผมได้พบครูบาอาจารย์ผู้เป็นสัตบุรุษ ได้ฟังสัจธรรม และเริ่มเข้าใจชีวิตที่แท้จริงขึ้นมาบ้าง
ระหว่างที่แม่นอนทนทุกข์ทรมานอยู่ในโรงพยาบาล รอวันทิ้งร่างอันเสื่อมทรุดและไม่อาจเยียวยาได้แล้วนั้น เป็นช่วงที่ผมและน้องผลัดเปลี่ยนกันไปเฝ้าทุกวัน น้องสาวได้เอาซีดีเสียงอ่านธรรมะมาเปิดให้แม่ฟังบ่อย ๆ ทำให้ผมได้ฟังไปด้วย เป็นช่วงเวลาที่ผมได้ฟังธรรมอย่างต่อเนื่องและยาวนานที่สุดตั้งแต่เกิดมา นอกจากนี้ ในเวลาอื่นที่ไม่ได้นอนเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาล ผมยังขวนขวายแสวงหาธรรมะที่เกี่ยวกับความตายมาอ่านหรือมาฟังอยู่เนือง ๆ เพื่อศึกษาทำความเข้าใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเบื้องหน้าของชีวิตแม่ รวมทั้งชีวิตผมเองและคนอื่น ๆ บนโลกใบนี้ด้วย
การได้สดับฟังธรรมอย่างมากและต่อเนื่องกันหลายวัน ในบรรยากาศแห่งความสลดหดหู่ เห็นความทุกข์เศร้าหมองของชีวิต เห็นความไม่เที่ยงของชีวิต มันเปรียบเหมือนการได้ลงไปแช่ในอ่างน้ำทิพย์แห่งธรรมที่มีฤทธิ์แทรกซึมเข้าสู่กายใจที่เริ่มสลดปลดปลงอยู่แล้วด้วยทุกข์ที่เกิดขึ้นจริงอยู่ต่อหน้า ผมเริ่มรู้สึกถึงความไร้สาระของชีวิตที่ผ่านมา เริ่มอยากจะถอนตัวจากโลกที่ต้องดิ้นรนไม่มีที่สิ้นสุด จนวันหนึ่ง ขณะกำลังเฝ้าแม่อยู่ในห้องคนไข้ที่โรงพยาบาลอยู่กับภรรยา ไม่รู้มีอะไรมาดลใจ ผมตัดสินใจว่าจะเลิกกินเหล้าเบียร์ตลอดชีวิต ทั้ง ๆ ที่ยังคิดหาเหตุผลที่ชัดเจนไม่ได้ว่าทำไมต้องเลิก แต่นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาผมก็ไม่ได้แตะต้องสุราอีกเลย และมั่นใจว่าชีวิตนี้จะไม่ต้องสัมผัสมันอีกอย่างไม่ต้องบีบบังคับกดข่มจิตใจตัวเองแต่อย่างใด
หลังจากแม่เสียชีวิตไปแล้วประมาณ ๓ เดือน ผมจึงย้ายกลับมาอยู่บ้านที่ภูเก็ตกับภรรยาสองคนตามเดิม แต่ดูเหมือนทิศทางชีวิตมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ยิ่งได้ติดตามฟังธรรมจากครูบาอาจารย์มากขึ้น ยิ่งรู้สึกถึงความไร้สาระของการดิ้นรนเพื่อแย่งลาภ แย่งยศ แสวงหาสรรเสริญ คิดถึงแต่ชีวิตในบั้นปลายว่าเราสองคนจะเอาชีวิตไปลงเอยที่ไหนดี
อันที่จริง ความคิดเรื่องการหันมากินมังสวิรัติเคยผุดโผล่ในใจผมมาก่อนแล้วบ้าง แต่มันเป็นแค่ความคิดเผิน ๆ ที่แวบขึ้นมาเบา ๆ เท่านั้น ไม่ได้คิดเอาจริงเอาจังอะไร และไม่มีแรงบันดาลใจอะไรมาผลักดันตัวเองเสียเลย ได้แต่คิดไปลอย ๆ ว่าสักวันหนึ่งในอนาคตถ้ายังไม่ตายเสียก่อน คงจะได้มีโอกาสเลิกกินเนื้อสัตว์อยู่หรอก
ในช่วงระหว่างที่ช่วยกันดูแลการเจ็บป่วยของแม่ ผมก็ได้เรียนรู้มาพอสมควรถึงโทษภัยของการกินเนื้อสัตว์ เมื่อกลับมาอยู่ภูเก็ตอีกครั้งผมกับภรรยาจึงได้ลดการกินเนื้อสัตว์ลงไปอย่างมาก พอเรากินมันน้อยลงไปมากแล้ว จู่ ๆ ภรรยาผมก็เกิดความรู้สึกเหม็นคาวเนื้อและเลือดมากเวลาเดินผ่านโซนขายเนื้อสดในห้าง หลังจากนั้นมาเราก็เลิกซื้อเนื้อเข้าบ้านไปเลย อาหารเช้าที่บ้านก็ทำอย่างง่าย ๆ โดยไม่ต้องมีเนื้อ แต่มื้อกลางวันที่ปกติเราจะออกไปส่งของและกินข้าวนอกบ้านก็ยังกินอาหารทั่วไปที่ยังมีเนื้ออยู่ ส่วนอาหารเย็นก็ไม่ค่อยได้กินอาหารหนักอยู่แล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นขนมหวานหรือน้ำเต้าหู้เท่านั้น
จนกระทั่งถึงเทศกาลกินเจในเดือนตุลาคม เราสองคนตั้งใจกินอาหารมังสวิรัติกันจนครบทั้ง ๙ วัน โดยที่ยังกินนมอยู่บ้าง เฉพาะที่ใส่ในกาแฟเท่านั้น เราก็ผ่านมาได้อย่างไม่ยากเย็นอะไรนัก ออกจะเพลิดเพลินด้วยซ้ำไป เพราะในช่วงเทศกาลเจมีอาหารเจอร่อย ๆ ให้เลือกกินอย่างมากมาย
หลังจากหมดเทศกาลเจไปแล้ว เราก็ยังรู้สึกสบายดี เป็นอย่างที่เขาเรียกกันนั่นแหละว่าเบากายเบาใจ เราจึงตั้งใจกินมังสวิรัติต่อเนื่องมาอีกเรื่อย ๆ แต่ยังคงกินไข่และนมอยู่ เฉพาะในบางคราวที่ยังอยากกินกาแฟหรือไปกินอาหารนอกบ้านที่บางครั้งจะเลี่ยงไข่ได้ยากอยู่
ในระหว่างการฝึกกินมังสวิรัติอย่างต่อเนื่องหลายเดือนนั้น ผมยังขวนขวายหาข้อมูลและความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับการเป็นนักมังสวิรัติเพิ่มเติมอยู่เรื่อย ๆ ทั้งจากครูบาอาจารย์และจากที่อื่น จนเริ่มรู้สึกว่าเราน่าจะกินมังสวิรัติไปได้จนตลอดชีวิต และอยู่ได้อย่างแข็งแรงเหมือนคนปกติ หรืออาจจะแข็งแรงกว่าคนที่กินเนื้อด้วยซ้ำไป มีตัวอย่างมากมายของผู้ที่กินมังสวิรัติอย่างต่อเนื่องแล้วยังแข็งแรง มีอายุยืน ดังนั้น ถ้าเรากินได้ถูกต้องสอดคล้องกับความต้องการของธรรมชาติร่างกาย ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่คนส่วนใหญ่มักจะกังวลว่าจะขาดธาตุอาหาร เคล็ดลับง่าย ๆ อย่างหนึ่งที่ได้มาจากครูบาอาจารย์คือ พยายามกินถั่วหลากหลายชนิดเพื่อทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ส่วนธาตุอาหารอื่น ๆ ที่ร่างกายต้องการนั้น ก็สบายใจได้เลยว่าในพืชผักนั้นมีอยู่อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ดีกว่าเนื้อสัตว์เสียอีก
ในวาระที่ใกล้จะครบรอบหนึ่งปีที่ผมเริ่มกินมังสวิรัติ ผมมานั่งนึกทบทวนตัวเองดูว่าอะไรกันแน่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผมตัดสินใจที่จะกินมังสวิรัติตลอดไป ทีแรกผมเองก็ยังคลำหาเหตุผลต้นตอที่แท้จริงในตัวเองไม่เจอเหมือนกัน มันเหมือนกับปัจจัยต่าง ๆ รอบตัวมีส่วนส่งเสริมให้เดินมาทางนี้ได้อย่างสะดวก และก็เดินมาได้เรื่อย ๆ เท่านั้น แต่จากสายตาของคนทั่วไปมักจะมองว่าเรากินมังสวิรัติก็เพื่อรักษาสุขภาพ บางคนอาจจะเข้าใจไปถึงขั้นที่ว่าเรากำลังฝืนตัวเองเพื่อแลกกับการมีสุขภาพที่ดี กลัวเป็นโรคนั้นโรคนี้ อยากมีอายุยืน อะไรทำนองนั้น
แต่เมื่อมาตรวจสอบตัวเองอย่างละเอียดแล้ว ผมพบว่าเหตุผลที่แท้จริงนั้นมันมีพลังและลึกซึ่งกว่าความกลัวเป็นโรคและความอยากมีสุขภาพดีเป็นไหน ๆ ลำพังความกลัวโรคและความอยากมีสุขภาพดีนั้นมันยังไม่มีพลังมากพอจะฉุดเราให้พ้นจากความชอบความติดในอาหารได้อย่างแท้จริง ดูได้จากผู้ที่ป่วยเป็นโรคร้ายแรงต่าง ๆ แล้วหมอสั่งห้ามกินนั่นกินนี่ ก็ยังแอบกินแอบเสพเพราะความติดความชอบนี่แหละ จะเสพมากเสพน้อยก็แล้วแต่ความสามารถในการฝืนตัวเองของแต่ละคนเท่านั้น ถ้าฝืนไม่ไหวก็เสพ คิดเอาว่าอย่างมากก็ตายไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บแล้วก็ถือว่าจบกัน แต่เหตุผลที่ได้จากการฟังธรรมและปฏิบัติธรรมตามครูบาอาจารย์สอนผมว่ามันไม่ได้จบแค่ความตายเท่านั้น เพราะตัวตนของเราจะต้องวนเวียนกลับมาเกิดอีกหลายภพหลายชาติ และทุกอย่างที่เรากระทำไว้ในชาตินี้จะยังคงมีผลต่อเราในชาติต่อ ๆ ไปอีก จนกว่าเราจะพัฒนาตนไปถึงขั้นที่ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก
ดังนั้น ในโลกที่เป็นจริงทางพุทธศาสนา ตามที่พระพุทธเจ้าสมณโคดมได้ชี้ให้เห็นแล้วว่า "เรามีกรรมเป็นของของตน" คือเราทำกรรมอะไรไว้ก็ต้องได้รับผลของกรรมนั้นอย่างแน่นอน ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ และการกินเนื้อสัตว์ก็เป็นการเบียดเบียน เป็นการเอาเลือดเนื้อของเขามากินโดยที่เจ้าตัวเขาไม่ได้ให้ แม้ว่าเราจะไม่ได้ฆ่าหรือช่วงชิงเอาเลือดเนื้อเขามากินด้วยน้ำมือเราเองก็ตาม แต่เราก็หนีไม่พ้นสัจจะความจริงที่ว่าเรามีส่วนแห่งกรรมในการกินเนื้อของเขาอยู่ ผลวิบากแห่งกรรมนี้จะยังมีอยู่ (ครูบาอาจารย์ยังบอกอีกว่าคนกินนั้นบาปยิ่งกว่าคนฆ่าด้วยซ้ำ) และจะส่งผลต่อตัวตนของเราทั้งในชาตินี้และชาติอื่น ๆ สืบไป เมื่อผมเชื่อและเห็นตามอย่างพระพุทธเจ้าและครูบาอาจารย์อย่างนี้แล้ว ผมจึงเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่าทำไมจึงควรเลิกกินเนื้อสัตว์เสีย เอาแค่ว่าโทษภัยของมันจะไม่ได้จบสิ้นกันไปในชาตินี้เท่านั้น แต่จะติดตามเราไปถึงชาติต่อ ๆ ไปอีกไม่รู้กี่ชาติ แค่คิดเท่านี้ก็น่าหวาดเสียวมากแล้ว คือมันยิ่งกว่าความกลัวโรคและความอยากมีสุขภาพดีไม่รู้กี่ร้อยกี่พันเท่า
บางคนอาจจะมองว่าที่ผมคิดอย่างนี้มันเป็นเพียงความเชื่อ ไม่ใช่ความจริงที่จะพิสูจน์กันได้ แต่ผมเชื่อว่านี่แหละคือความจริงที่จริงเสียยิ่งกว่าสิ่งที่คนทั่ว ๆ ไปคิดว่าจริง แต่เอาเถอะ ใครจะคิดว่ามันเป็นแค่ความเชื่อก็ได้ เราบังคับความเชื่อกันไม่ได้อยู่แล้ว ผมก็ขอเชื่อตามพระพุทธเจ้า เชื่อตามครูบาอาจารย์ และผมเองก็พยายามตรวจสอบตัวเองอยู่เสมอว่าความเชื่อนี้เป็นความงมงายหรือไม่ ด้วยการปฏิบัติตามและดูผลที่ตัวเองมาเรื่อย ๆ เพื่อพิสูจน์ธรรมะของพระพุทธเจ้า พิสูจน์คำสอนของครูบาอาจารย์ ดังที่เราสวดระลึกถึงพระธรรมของพระพุทธเจ้าว่า "สันทิฏฐิโก" พึงเห็นได้ด้วยตนเอง "อกาลิโก" เป็นจริงตลอดกาล "เอหิปัสสิโก" ท้าทายให้มาพิสูจน์กันได้ ผมก็จะขอพิสูจน์อย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้รู้ว่าธรรมะตามที่ผมเชื่ออย่างนี้ไม่จริง หรือจะเป็นจริงจนไม่เหลืออะไรให้ต้องพิสูจน์อีก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ทำไมผมจึงเลิกกินเนื้อสัตว์
วันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลาประมาณบ่ายโมง ผมกุมมือแม่อยู่ข้างเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล พร่ำพูดที่ข้างหูของแม่ว่าให้นึกถึงความดี...
-
โลกเรานี้ยังมีชนเผ่าที่แปลก ๆ อยู่ไม่น้อยเลย หลาย ๆ ชนเผ่ามีเอกลักษณ์ที่ประหลาดพิสดารอย่างเหลือเชื่อ เช่น มีชนเผ่าหนึ่งอยู่บนเกา...
-
ถั่วลิสงเป็นอาหารที่คนจีนนิยมกินกันมาแต่โบราณ ว่ากันว่า การกินถั่วลิสงสามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดและป้องกันโรคหัวใจ...
-
ใกล้จะครบสามเดือนแล้วที่ฉันได้เลิกกินเนื้อสัตว์ บางคนคิดว่าฉันเลิกเนื้อสัตว์เพื่อรักษาสุขภาพ บางคนก็คิดว่าฉันต้องการรักษารูปร่าง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น