2 ต.ค. 2560
การถือศีลกินมังสวิรัติของจักรพรรดิเหลียงอู่ตี้
จักรพรรดิเหลียงอู่ตี้ (梁武帝 ค.ศ. ๔๖๔ - ๕๔๙) เป็นจักรพรรดิพระองค์แรกของราชวงศ์เหลียงในสมัยหนานเป่ย (ยุคราชวงศ์เหนือใต้) ครองราชบัลลังก์อยู่ ๔๘ ปี ยาวนานที่สุดในสมัยหนานเป่ย และสวรรคตเมื่อพระชนมพรรษา ๘๖ พรรษา
พระเจ้าจักรพรรดิเหลียงอู่ตี้ทรงพระปรีชาสามารถด้านภาษา กวี การดนตรี และศิลปะการเขียนพู่กันจีน เป็นนักวิชาการที่มีความรู้กว้างขวาง มักจะคบหากับปัญญาชน มีผลงานโดดเด่นด้านวรรณกรรมและศาสนาพุทธเป็นอย่างมาก ทรงมีความเลื่อมใสในพุทธศาสนาอย่างยิ่ง เคยปวารณาตนเป็นผู้รับใช้ในวัดถึงสี่ครั้ง มีศรัทธาในพุทธธรรม บำรุงพระพุทธศาสนา พระองค์ไม่เพียงแต่ปฏิบัติศีลละเว้นการฆ่าชีวิตสัตว์ ยังเสวยอาหารมังสวิรัติอย่างตั้งมั่น และอาศัยฐานะแห่งความเป็นจักรพรรดินำพาประชาราษฎร์ให้ถือศีลละเว้นการฆ่าสัตว์และกินอาหารมังสวิรัติด้วย จนเป็นยุคหนึ่งที่ชาวจีนเริ่มกินอาหารมังสวิรัติกันอย่างแพร่หลาย
ในพระนิพนธ์บทหนึ่งของพระองค์คือ "โศลกชำระกรรม" (净业赋) ได้เล่าย้อนรำลึกถึงกรรมในอดีตสมัยที่พระองค์ยังพระเยาว์ว่า ครั้งหนึ่งได้เคยฆ่าสัตว์มาทำเป็นอาหารเลี้ยงต้อนรับทหาร วันละสามมื้อ มีทั้งเนื้อและปลามากมาย และต่อมาเมื่อได้เสวยราชบัลลังก์เป็นพระจักรพรรดิแล้ว ได้ทรงจัดเลี้ยงอาหารอย่างประณีตแก่ข้าราชบริพารอีกนับครั้งไม่ถ้วน แต่เมื่อมานับถือศาสนาพุทธแล้ว การได้เห็นชีวิตสัตว์ที่ถูกฆ่าตั้งอยู่บนโต๊ะอาหารอย่างมากมายทำให้เกิดความสลดใจจนทนไม่ได้ นับแต่นั้นมาพระองค์จึงตัดสินใจเลิกเสวยปลาและเนื้อ ถือการเสวยแต่อาหารพืชผักเป็นประจำ
นอกจากนี้ ในพระนิพนธ์เรื่อง "งดเว้นเหล้าและเนื้อ" (断酒肉文) พระเจ้าจักรพรรดิเหลียงอู่ตี้ได้แสดงให้เห็นถึงการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดและความตั้งใจมั่นที่จะเลิกดื่มสุราและเสวยเนื้อสัตว์ ดังเนื้อความตอนหนึ่งกล่าวว่า "นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป หากข้าฯ ดื่มสุรา มีจิตฝักใฝ่ในกามราคะ มีวาจาปดโป้ทุจริต กินเนื้อสัตว์ทั้งปวง รวมถึงน้ำนมและน้ำผึ้ง อีกทั้งก้อนเนย ขอให้เทพเทวามหาภูติทั้งหลาย จงบันดาลทุกข์แก่ตัวข้าฯ และจักต้องไปชดใช้กรรมอีกมากในนรกตราบนานเท่านาน จนแม้สัตว์ทั้งปวงในโลกจะได้พ้นห้วงทุกข์เป็นพุทธะจนหมดสิ้นแล้ว ข้าฯ จะยังคงรับกรรมที่ทำนั้นอยู่ในอเวจี"
พระเจ้าเหลียงอู่ตี้ทรงมีศรัทธาในศาสนาพุทธอย่างตั้งมั่น นับตั้งแต่พระองค์ตั้งปณิธานว่าจะงดเว้นสรุาและเนื้อสัตว์ เว้นจากการเสพเมถุน พระองค์ก็ทรงปฏิบัติได้ตามที่ตั้งศีลเอาไว้ ตั้งแต่พระชนมพรรษา ๕๐ พรรษาจนถึงสวรรคต ทรงมิได้ดื่มสุราและไม่เสวยเนื้อ และไม่ยุ่งเกี่ยวกับสตรีเพศอีกเลย พระองค์ได้ยึดมั่นในการปกป้องชีวิตสัตว์และกินอาหารมังสวิรัติ ไม่ยุ่งกับนางสนมกำนัล ปฏิบัติพระองค์ราวกับเป็นผู้ออกบวช แม้กระทั่งในงานเลี้ยงฉลองของราชสำนัก ท่ามกลางเสนาอำมาตย์มากมาย บนโต๊ะอาหารที่จัดวางด้วยอาหารประณีตชั้นเลิศอย่างมากมาย พระองค์ก็ทรงเลือกเสวยเฉพาะอาหารที่เป็นพืชผักเท่านั้น
เนื่องจากการกินมังสวิรัติเป็นเวลานาน จึงมีอยู่ช่วงหนึ่งที่พระเจ้าเหลียงอู่ตี้มีพระวรกายผ่ายผอม เหมือนคนขาดสารอาหาร ทีแรกเหล่าเสนาอำมาตย์ก็ไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุใด แต่เมื่อได้รู้ว่าเกิดจากการเสวยมังสวิรัติแล้ว มีเสนาอำมาตย์จำนวนมากพยายามขอร้องให้พระองค์เลิกเสวยมังสวิรัติ แต่พระเจ้าเหลียงอู่ตี้ก็มิได้ยอมทำตาม
ในวัยบั้นปลายของพระเจ้าเหลียงอู่ตี้ พระองค์ยึดมั่นในการเสวยมังสวิรัติจนเกือบจะถึงขั้นเบียดเบียนตนเอง พระองค์เสวยพระกระยาหารเพียงวันละหนึ่งมื้อ โดยไม่แตะต้องเนื้อสัตว์เลยแม้แต่น้อย มีแต่แกงถั่วกับข้าวสวยเมล็ดหยาบเท่านั้น
นอกจากจะไม่ฆ่าชีวิตสัตว์ด้วยพระองค์เองแล้ว ยังได้เผยแพร่ความคิดในการมีเมตตาเอ็นดูชีวิตสัตว์แก่ราษฎรจีนด้วย ทรงมีพระบรมราชโองการให้ราษฎรลดการฆ่าสัตว์ ในปีที่ ๑๒ ของศักราชหนานเป่ย (ค.ศ. ๕๑๓) พระเจ้าเหลียงอู่ตี้ทรงมีพระบรมราชโองการว่า ให้เขตตันหยางและหลางหยาเป็นเขตอภัยทาน ห้ามจับหรือฆ่าสัตว์ในเขตนั้น และในปีที่ ๑๖ ของศักราชหนานเป่ย (ค.ศ. ๕๑๗) เดือน ๓ ทรงมีพระบรมราชโองการสั่งห้ามมิให้หมอนำอวัยวะของสัตว์มาทำเป็นยารักษาโรค และยังสั่งห้ามมิให้ปักลวดลายตกแต่งชุดข้าราชการเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ ด้วย นอกจากนี้ เครื่องเซ่นสรวงในวัดที่ต้องสังเวยด้วยชีวิตสัตว์ก็ให้เปลี่ยนเป็นรูปที่ปั้นด้วยแป้งแทน และตั้งแต่เดือน ๑๐ ของปีนั้นเป็นต้นไป การเซ่นสรวงบูชาในวัดก็เริ่มใช้ผักผลไม้แทนเนื้อสัตว์อย่างเป็นแบบแผน
นอกจากส่งเสริมให้ราษฎรเอ็นดูรักษาชีวิตสัตว์แล้ว ยังกำหนดให้พระภิกษุและนางชีต้องงดเว้นสุราและเนื้อสัตว์ด้วย หากพระและชีไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย พระองค์จะให้ดำเนินการสอบสวนด้วยกฎหมายบ้านเมือง จะเห็นได้ว่าพระเจ้าเหลียงอู่ตี้ทรงกำหนดให้พระและชีต้องถือศีลงดเว้นสุราและเนื้อสัตว์อย่างเคร่งครัด และยังยกระดับศีลขึ้นมาเป็นกฎหมายบ้านเมืองเพื่อเป็นกรอบบังคับให้ปฏิบัติด้วย นอกจากนี้ ผู้ที่รู้อยู่ว่ามีพระหรือชีละเมิดข้อห้ามดื่มสุราหรือกินเนื้อสัตว์แล้วยังปกปิด ไม่นำแจ้งแก่ทางการ ก็จะมีความผิดด้วย
นอกจากจะถือศีลไม่ฆ่าสัตว์และกินมังสวิรัติด้วยพระองค์เองแล้ว พระเจ้าเหลียงอู่ตี้ยังมีคำสั่งให้อาณาประชาราษฎร์มีเมตตาปล่อยชีวิตสัตว์ด้วย มีบันทึกในประวัติว่า พระเจ้าเหลียงอู่ตี้ได้ส่งมหาอำมาตย์จางเหวินซิวออกไปตามโรงฆ่าสัตว์ต่าง ๆ และสั่งให้ไถ่ชีวิตสัตว์ต่าง ๆ ทั้งสัตว์เลี้ยงและสัตว์ที่จับมาจากป่า นอกจากนี้ ในช่วงปลายของรัชสมัยพระองค์ได้อุปถัมภ์ให้ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งจำนวนสิบครอบครัวเข้าอยู่ที่เขตฉางมิ่งโจว (ปัจจุบันอยู่ในเมืองหนานจิง) และทุกปีพระองค์จะไถ่ (ซื้อ) ชีวิตสัตว์เลี้ยงต่าง ๆ เช่น ไก่ เป็ด ห่าน หมู นับหลายพันตัว ส่งไปที่หมู่บ้านนี้และสั่งให้ชาวบ้านเลี้ยงดูพวกมันด้วยธัญพืช
ผู้เขียน 通德
ที่มา http://ss.zgfj.cn/JSCS/2017-08-19/17752.html
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ทำไมผมจึงเลิกกินเนื้อสัตว์
วันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลาประมาณบ่ายโมง ผมกุมมือแม่อยู่ข้างเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล พร่ำพูดที่ข้างหูของแม่ว่าให้นึกถึงความดี...
-
โลกเรานี้ยังมีชนเผ่าที่แปลก ๆ อยู่ไม่น้อยเลย หลาย ๆ ชนเผ่ามีเอกลักษณ์ที่ประหลาดพิสดารอย่างเหลือเชื่อ เช่น มีชนเผ่าหนึ่งอยู่บนเกา...
-
ถั่วลิสงเป็นอาหารที่คนจีนนิยมกินกันมาแต่โบราณ ว่ากันว่า การกินถั่วลิสงสามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดและป้องกันโรคหัวใจ...
-
ใกล้จะครบสามเดือนแล้วที่ฉันได้เลิกกินเนื้อสัตว์ บางคนคิดว่าฉันเลิกเนื้อสัตว์เพื่อรักษาสุขภาพ บางคนก็คิดว่าฉันต้องการรักษารูปร่าง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น