14 ต.ค. 2560
ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการกินมังสวิรัติ
เมื่อคุณกำลังคิดว่าจะกินมังสวิรัติดีหรือไม่ มันมักจะมีความเชื่อบางอย่างมาคอยขัดขวางคุณอยู่ใช่ไหม เมื่อคุณกำลังทดลองกินอาหารแบบมังสวิรัติอยู่ มักจะมีคนบางคนอ้างทฤษฎีที่คิดเอาเองมาสั่งสอนคุณใช่ไหม เราลองมาไล่เรียงดูความเชื่อบางอย่างที่ได้ยินได้ฟังกันบ่อย ๆ แล้วเอาความจริงมาลบล้างมันไปเป็นข้อ ๆ ดังนี้
ความเชื่อ - ถ้าไม่กินเนื้อสัตว์เลยจะขาดโปรตีน
ความจริง - คนในปัจจุบันมักจะได้รับโปรตีนมากเกินไป (คนอเมริกันได้รับโปรตีนมากกว่าที่ร่างกายต้องการ ๗ เท่า) จริง ๆ แล้วเราสามารถได้รับโปรตีนอย่างเพียงพอจากพืชหลายชนิดมาก เช่น ถั่วเหลือง ถั่วดำ ข้าวโพด ข้าวโอ๊ต อัลมอนด์ เห็ด บร็อคโคลี่ ผักโขม ฯลฯ นอกจากนี้ การได้รับโปรตีนเข้าสู่ร่างกายมากเกินไปจะเป็นสาเหตุให้เกิดโรคกระดูกพรุน โรคไตวาย และโรคของคนมีอันจะกินอื่น ๆ อีกหลายโรค
ความเชื่อ - อาหารมังสวิรัติมีแต่ราคาแพง ๆ ทั้งนั้น
ความจริง - อาหารที่คนส่วนใหญ่กินกันเป็นประจำเช่น ข้าว เส้นหมี่ เต้าหู้ ถั่วชนิดต่าง ๆ ล้วนมีราคาถูกกว่าเนื้อสัตว์ เงินที่ประหยัดได้จากการงดซื้อเนื้อสัตว์สามารถนำมาซื้อน้ำนมธัญพืช ผักและผลไม้ได้ นอกจากนี้ อาหารมังสวิรัติจะช่วยให้สุขภาพของเราดีขึ้น จึงทำให้เราลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลความเจ็บป่วยต่าง ๆ ลงได้ด้วย
ความเชื่อ - ต้องกินเนื้อสัตว์ร่างกายจึงจะแข็งแรง
ความจริง - สมาคมผู้ป่วยโรคเบาหวานแห่งสหรัฐอเมริกา (ADA) ระบุว่า นักมังสวิรัติและชาว Vegan (ผู้ที่กินมังสวิรัติแบบเคร่งครัด ไม่กินทั้งเนื้อสัตว์ ไข่ นม และผลิตภัณฑ์จากสัตว์) จะมีปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดต่ำ ความดันโลหิตต่ำ อัตราการป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวานค่อนข้างน้อย ความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเนื่องจากโรคหัวใจชนิดขาดเลือดก็ต่ำ อัตราการป่วยเป็นโรคมะเร็งโดยภาพรวมก็อยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ ADA จึงสรุปข้อดีของอาหารมังสวิรัติหรืออาหารแบบ vegan ไว้ว่า "มีประโยชน์ต่อสุขภาพ มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างเพียงพอ ส่งเสริมความแข็งแรงและมีผลดีต่อร่างกายในด้านการป้องกันและรักษาโรค"
ความเชื่อ - การทำเต้าหู้เป็นการทำลายป่าฝน
ความจริง - กระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกาเคยเผยแพร่ภาพแผนที่แสดงการใช้พื้นที่การเกษตรในเขตป่าฝน (rainforest) ลุ่มน้ำอเมซอน พบว่า ๘๖ เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ป่าฝนที่ถูกทำลายนั้น เป็นฟาร์มเลี้ยงปศุสัตว์เพื่อเป็นอาหารของมนุษย์ มีเพียง ๔ เปอร์เซ็นต์ที่ถูกใช้เพาะปลูกถั่วเหลือง นอกจากนี้ เราควรจะรู้ด้วยว่า ๘๐ เปอร์เซ็นต์ของถั่วเหลืองที่มีการปลูกกันทั่วทั้งโลกถูกนำไปเป็นอาหารสัตว์ ปริมาณธัญพืชและถั่วเหลืองเฉพาะที่ใช้เป็นอาหารเลี้ยงวัวในประเทศสหรัฐอเมริกาประเทศเดียวก็สามารถเลี้ยงคนให้กินอิ่มได้ถึง ๒๐ เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งโลก (๑๔๐๐ ล้านคน)
ความเชื่อ - ห่วงใยสัตว์มากขนาดนั้นเลยหรือ? เป็นห่วงมนุษย์บ้างดีกว่ามั้ย
ความจริง - ความทุกข์ยากต่าง ๆ ของสัตว์โลกล้วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ความห่วงใยต่อสัตว์กับความห่วงใยมนุษย์ไม่ได้เป็นปฏิปักษ์กันเลย ถ้าเราเลือกแนวทางการกินมังสวิรัติเพื่อลดความทุกข์ยากให้แก่โลกนี้ก็ไม่ได้แปลว่าเราห่วงใยแต่สัตว์เท่านั้น ยังมีคนอีกมากที่ยังไม่ตระหนักรู้ว่าชาวมังสวิรัติก็กำลังช่วยเหลือมนุษย์อยู่ด้วยเหมือนกัน เพราะธัญพืชจำนวนมหาศาลได้ถูกใช้ไปเป็นอาหารสำหรับเลี้ยงสัตว์ ถ้าเราเลิกเลี้ยงสัตว์เพื่อมาเป็นอาหารของคน และนำธัญพืชที่ปลูกได้มาเป็นอาหารคนโดยตรง แทนที่เราจะเลี้ยงคนให้กินอิ่มได้แค่หนึ่งครอบครัว เราจะสามารถเลี้ยงคนได้ทั้งหมู่บ้าน
ความเชื่อ - พืชก็มีความรู้สึกเจ็บปวดเหมือนกัน
ความจริง - พืชไม่มีระบบประสาทส่วนกลาง ไม่มีปลายประสาท จึงไม่มีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าพืชก็มีความรู้สึกเจ็บปวด แต่สัตว์สามารถรู้สึกถึงความเจ็บปวดได้เพราะความรู้สึกเจ็บปวดจะช่วยให้พวกมันรู้จักปกป้องตนเอง ถ้าเราสัมผัสถูกสิ่งใดแล้วทำให้รู้สึกเจ็บเราก็จะเรียนรู้ว่าต่อไปจะไม่ไปสัมผัสถูกสิ่งนั้นอีก อย่างไรก็ตาม ถ้าเราหวังว่าควรทำให้โลกมีการสูญเสียชีวิตน้อยที่สุด การกินมังสวิรัติก็ยังเป็นแนวทางที่ดีกว่าการกินเนื้ออยู่ดี เพราะทุกวันนี้มีธัญพืชและถั่วต่าง ๆ จำนวนมากถูกนำไปเป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ในฟาร์ม ในการผลิตเนื้อวัวหนัก ๑ กิโลกรัม เราต้องสิ้นเปลืองพืชไปเป็นอาหารสัตว์มากถึง ๑๖ กิโลกรัม ดังนั้น ถ้าเรากินพืชผักโดยตรงก็เท่ากับว่าเราได้ช่วยรักษาชีวิตพืชไว้ได้มากกว่า
ความเชื่อ - คนที่กินมังสวิรัติมีแต่คนซูบผอมอ่อนแอ
ความจริง - เรื่องนี้สื่อกระแสหลักอาจจะไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน มีนักกีฬาระดับสุดยอดของโลกหลายคนที่กินมังสวิรัติ มีทั้งนักกีฬาประเภทที่ต้องใช้กำลัง ใช้ความเร็ว หรือใช้ความแข็งแกร่งทนทานของร่างกาย เราไม่จำเป็นต้องใช้เนื้อ นม ไข่เพื่อมาสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกายเลยแม้แต่น้อย
ความเชื่อ - มนุษย์กินสัตว์เป็นเรื่องปกติตามธรรมชาติ กินกันมาแล้วหลายพันปี ร่างกายมนุษย์ถูกออกแบบมาอย่างนี้อยู่แล้ว
ความจริง - เป็นความจริงที่ว่ามนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิตอยู่ในช่วง ๒ - ๒.๕ ล้านปีก่อนก็กินเนื้อ แต่กินเพื่อความอยู่รอดเท่านั้น โดยเฉพาะในยุคที่มีสภาพอากาศรุนแรงแบบสุดขั้วซึ่งมนุษย์ไม่สามารถหาอาหารที่เป็นพืชได้เลย แต่ทว่า มีหลักฐานอันชัดเจนที่ยืนยันว่ามนุษย์นั้นเหมาะแก่การกินพืชมากกว่า ธรรมชาติของสัตว์กินเนื้อนั้นมีกรงเล็บที่แหลมคม ฟันเขี้ยวยาวและคม ลำไส้สั้น ในขณะที่มนุษย์มีเล็บที่เรียบและอ่อน มีฟันเขี้ยวที่เล็กจนน่าเอ็นดู เหมาะสำหรับขบกัดผลไม้มากกว่ากัดฉีกเนื้อหนัง ฟันกรามของมนุษย์ค่อนข้างเรียบ ลำไส้สำหรับย่อยอาหารมีความยาวมาก ซึ่งเหมาะสำหรับย่อยพืชผัก ผลไม้ และธัญพืช การกินเนื้อมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากต่อปัญหาการเจ็บป่วยหลาย ๆ โรค เช่น เป็นสาเหตุหลักของโรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดในสมอง (stroke) โรคเบาหวาน โรคอ้วน เป็นต้น ถ้าหากว่าเนื้อสัตว์เป็นอาหารตามธรรมชาติอย่างหนึ่งของมนุษย์ ทำไมเราจึงเหมือนถูกฆ่าให้ตายทีละน้อยด้วยการกินเนื้อเล่า?
ดร. วิลเลียม ซี โรเบิร์ตส์ บรรณาธิการวารสาร The American Journal of Cardiology ได้ชี้ให้เห็นความจริงอย่างหนึ่งว่า "แม้ว่าเราจะคิดว่าเราเป็นพวกกินเนื้อ พฤติกรรมของเราที่แสดงออกมาก็เหมือนกับพวกกินเนื้อ แต่การที่พวกเราฆ่าสัตว์แล้วกินเนื้อพวกมัน สุดท้ายแล้วเรากลับถูกฆ่าให้ตายด้วยเลือดเนื้อของสัตว์ที่เต็มไปด้วยไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอล... เนื้อสัตว์ไม่ได้เป็นอาหารสำหรับมนุษย์ซึ่งกินพืชโดยธรรมชาติมาแต่ดั้งเดิม" นอกจากนี้ มนุษยชาติสามารถตัดสินชะตากรรมตนเองได้ว่าเรามีความจำเป็นต้องกินเนื้อสัตว์หรือไม่ ในเมื่อเราสามารถได้รับสารอาหารที่ร่างกายต้องการทั้งหมดจากพืชเท่านั้น แสดงว่าเราไม่จำเป็นต้องสังเวยสุขภาพร่างกายและสภาพแวดล้อมของโลกด้วยการฆ่าชีวิตสัตว์หลายพันล้านชีวิตในแต่ละปีเลย
ความเชื่อ - อาหารมังสวิรัติไม่ค่อยมีอะไรให้กิน
ความจริง - อาหารมังสวิรัติมีความหลากหลายมากกว่าอาหารเนื้อสัตว์ เราสามารถหาอาหารเมนูเนื้อต่าง ๆ ในเวอร์ชั่นที่เป็นมังสวิรัติหรือเนื้อเทียมได้หมด ตลอดจนน้ำนมธัญพืช ชีส มายองเนส ขนมปัง เค้ก ช็อคโกแลต ทุกวันนี้มีขายแบบที่เป็นมังสวิรัติแล้วทั้งนั้น ลองค้นหาคำว่า "vegan recipe" ในอินเตอร์เน็ตดูจะพบสูตรอาหารมังสวิรัติเยอะมาก มีทั้งข้อมูลวัตถุดิบอาหารเพื่อสุขภาพและการปรุงแบบต่าง ๆ ที่ไม่เหมือนใคร แต่ในอดีตเมื่อสิบปีก่อน ชาวเมืองปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และกวางเจา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศจีน อาจจะรู้สึกว่ากินมังสวิรัติหาของกินได้ยาก แต่ปัจจุบันมีร้านอาหารมังสวิรัติอยู่ทุกหนทุกแห่ง แม้แต่ร้านที่ไม่ใช่ร้านมังสวิรัติก็เริ่มที่จะมีเมนูแบบ vegan ให้เลือกกินบ้างแล้ว ลองค้นหาในเว็บ dianping (大众点评 เว็บรีวิวร้านอาหารของจีน) ดูสิ จะพบว่าเฉพาะในเมืองปักกิ่งเมืองเดียวก็มีร้านอาหารที่อยู่ในหมวด "มังสวิรัติ" มากถึง ๑๒ หน้าของผลการค้นหาเลยทีเดียว
ความเชื่อ - ถ้าทุกคนเลิกกินเนื้อสัตว์กันหมด สัตว์ที่ถูกเลี้ยงจะต้องสูญพันธุ์
ความจริง - กิจกรรมของมนุษย์ได้ทำให้สัตว์หลายชนิดใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว เช่น ตัวนิ่ม เสือ หมีขั้วโลก วาฬ ฉลาม เป็นต้น การสูญพันธุ์ของสัตว์เหล่านี้จะทำลายความสมดุลของระบบนิเวศน์ เกิดเป็นผลกระทบต่อเนื่องไปจนทำให้ชนิดพันธุ์อีกมากตกอยู่ในความเสี่ยงด้วย แต่ปศุสัตว์ที่ถูกมนุษย์เลี้ยงดูนั้นอยู่ในเงื่อนไขที่แตกต่างออกไป บทบาทของพวกมันในระบบนิเวศน์คือส่งผลในทางทำลายระบบ ลองนึกถึงทุ่งหญ้าที่ถูกใช้เลี้ยงสัตว์อย่างมากเกินไปสิ แม่น้ำและน้ำใต้ดินที่ปนเปื้อนมูลสัตว์ ปศุสัตว์จำนวนมากถูกปรับปรุงพันธุกรรมเพื่อให้พวกมันเติบโตได้เร็วขึ้น หมูในฟาร์มจะตัวโตผิดปกติ จนมีปัญหาเจ็บปวดที่ขาและเท้าตั้งแต่อายุยังไม่เท่าไร ในขณะที่ญาติที่เป็นบรรพบุรุษของมันคือหมูป่าจะไม่มีปัญหาแบบนี้เลย วัวนมที่ถูกรีดนมมากเกินไป ร่างกายของมันถูกใช้ประโยชน์อย่างหนัก เพียงไม่กี่ปีก็พัง หมดสภาพ มีไก่จำนวนมากที่ต้องตายระหว่างทางขนส่งไปโรงฆ่าเนื่องจากป่วยเป็นโรคหัวใจและกระดูก ชนิดพันธุ์สัตว์เหล่านี้ที่มนุษย์สร้างขึ้นได้ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่เกิดแล้วว่าต้องทนทุกข์ทรมาณไปตลอดทั้งชีวิต และการสูญพันธุ์ของพวกมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าเศร้าเสียใจแต่อย่างใด
ความเชื่อ - การหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากสัตว์ไปทั้งหมดเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าเรายังต้องทำความเบียดเบียนสัตว์อยู่โดยไม่มีเจตนาและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แล้วการกินมังสวิรัติจะมีความหมายอะไร?
ความจริง - การที่เราจะมีชีวิตที่ไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์เลยนั้นยังเป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถอยู่พอสมควร เราอาจจะเหยียบมดตายหรือหายใจเอาแมลงตัวเล็ก ๆ เข้าไปในตัวได้โดยไม่ตั้งใจ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราควรจะมีเจตนาสร้างความเบียดเบียนขึ้นโดยไม่จำเป็น เวลาขับรถเราอาจจะขับไปชนโดนคนเข้าโดยไม่เจตนา แต่เรื่องนี้ไม่สามารถเอามาเป็นเหตุผลให้เราอ้างเพื่อจะขับรถชนคนอย่างมีเจตนาได้ เรามีสิทธิ์และสามารถเลือกที่จะกินอาหารหรือใช้ของใช้ที่ไม่มีสัตว์เป็นองค์ประกอบได้
ความเชื่อ - การกินมังสวิรัติจะส่งผลกระทบต่อประเพณีและงานที่ต้องใช้สัตว์เลี้ยง
ความจริง - การสร้างรถยนต์ การสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง หรือการเกิดขึ้นของอีคอมเมิร์ซ เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนทำให้เกิดการปฏิรูปด้านอาชีพและการพัฒนาฝีมือแรงงานใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มันคือพัฒนาการทางสังคมอย่างหนึ่ง ไม่ใช่เหตุที่จะมาขวางกั้นการพัฒนา
ที่มา http://ss.zgfj.cn/SSZX/2017-08-16/17744.html
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ทำไมผมจึงเลิกกินเนื้อสัตว์
วันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลาประมาณบ่ายโมง ผมกุมมือแม่อยู่ข้างเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล พร่ำพูดที่ข้างหูของแม่ว่าให้นึกถึงความดี...
-
โลกเรานี้ยังมีชนเผ่าที่แปลก ๆ อยู่ไม่น้อยเลย หลาย ๆ ชนเผ่ามีเอกลักษณ์ที่ประหลาดพิสดารอย่างเหลือเชื่อ เช่น มีชนเผ่าหนึ่งอยู่บนเกา...
-
ถั่วลิสงเป็นอาหารที่คนจีนนิยมกินกันมาแต่โบราณ ว่ากันว่า การกินถั่วลิสงสามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดและป้องกันโรคหัวใจ...
-
ใกล้จะครบสามเดือนแล้วที่ฉันได้เลิกกินเนื้อสัตว์ บางคนคิดว่าฉันเลิกเนื้อสัตว์เพื่อรักษาสุขภาพ บางคนก็คิดว่าฉันต้องการรักษารูปร่าง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น