5 ก.ค. 2560

พระพุทธเจ้าเป็นครู ไม่ใช่เทพ



        คำถามคำตอบเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ และโลกทัศน์แบบศาสนาพุทธมหายาน

        ถาม - พระพุทธเจ้าเป็นเทพหรือไม่? ทำไมต้องกราบไหว้พระพุทธรูป? การจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปมีความหมายอย่างไร?

        พระอาจารย์เสวเฉิง - พระพุทธเจ้าไม่ใช่เทพ แต่เป็นครู การกราบไหว้เคารพด้วยวิธีการต่าง ๆ ไม่ใช่การอ้อนวอน แต่มีความหมายที่ลึกซึ้ง คือการเคารพพระพุทธเจ้า คือการลดทิฐิมานะในตัวตนของเรา การจุดธูปเทียนก็เพื่อแสดงออกถึงความเคารพที่มาจากใจ เป็นการเตือนตัวเองให้ตั้งมั่นในศีลที่บริสุทธิ์เพื่อสืบสานบำรุงพระรัตนตรัยสืบไป 

        ธรรมะของพระพุทธเจ้าปฏิเสธเทพเจ้าภายนอกที่มีฤทธิ์ครอบงำสรรพสิ่ง ชีวิตของมนุษย์สามารถกำหนดได้ด้วยตนเอง ด้วยการเรียนรู้ธรรม มนุษย์จะสามารถรู้จักและเข้าใจโลกและกฎเกณฑ์ของชีวิตได้อย่างถูกต้อง ทำให้ชีวิตของเรามีความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้น

        ถาม - พระพุทธรูปสร้างขึ้นมาจากไม้บ้าง อิฐหินดินปูนบ้าง การกราบไหว้พระพุทธรูปมีความหมายอย่างไร?

        พระอาจารย์เสวเฉิง - พระพุทธรูปทำมาจากไม้บ้าง อิฐหินดินปูนบ้าง แต่จิตใจของมนุษย์ไม่ใช่ไม้ ไม่ใช่อิฐหินดินปูน ถ้าเราคิดว่าพระพุทธรูปเป็นไม้ มันก็เป็นแค่ไม้ ถ้าเราคิดว่ามันคือพระพุทธรูป มันก็เป็นตัวแทนของพระเมตตาและพระปัญญาอันยิ่ง การปฏิบัติธรรมคือการปฏิบัติที่ใจ ไม่ใช่การปฏิบัติภายนอก พระพุทธรูปสร้างขึ้นก็เพื่อกระตุ้นเตือนใจของเราให้ระลึกถึงเท่านั้น ก็เหมือนกับภาพถ่าย มันก็เป็นแค่กระดาษแผ่นหนึ่ง แต่ถ้าในภาพถ่ายนั้นมีภาพของญาติของเรา เมื่อเห็นภาพเราจึงเกิดความรู้สึกใกล้ชิดอบอุ่น การกราบไหว้พระพุทธรูปไม่ใช่การกราบไหว้แท่งไม้หรืออิฐหินดินปูน แต่เป็นการแสดงความเคารพนบนอบต่อ "ธรรม" ที่ถูกแทนค่าด้วยพระพุทธรูปเท่านั้น 

        ถาม - พุทธคืออะไร?

        พระอาจารย์เสวเฉิง - พุทธก็คือผู้รู้ รู้ตื่นในสัจธรรมของชีวิตในจักรวาล ดับกิเลสทั้งปวงสิ้นแล้ว ชีวิตเข้าถึงขอบเขตที่เจริญด้วยคุณความดีอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว พระองค์ได้แบ่งปันเผยแพร่ความรู้อันยิ่งนี้ รวมทั้งวิธีปฏิบัติฝึกฝนเพื่อให้บรรลุถึงความรู้นี้แก่ผู้อื่น ซึ่งก็คือพระธรรม ให้ทุกคนสามารถบรรลุความเป็นพุทธได้โดยการเดินในเส้นทางสายนี้

        ถาม - พระพุทธเจ้ากับเทพเจ้าต่างกันอย่างไร?

        พระอาจารย์เสวเฉิง - คนทั่วไปเข้าใจความหมายของคำว่า "เทพเจ้า" ว่าสามารถดลบันดาลได้ทุกสิ่ง สามารถครอบงำและกำหนดควบคุมทุกอย่าง ในขณะที่พระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่รู้ทุกสิ่ง แต่ไม่สามารถดลบันดาลได้ทุกสิ่ง พระพุทธเจ้าไม่สามารถกำหนดตัดสินชีวิตคนได้ พระองค์เพียงแต่ตรัสรู้ความจริงของจักรวาลเท่านั้น และเปิดเผยแก่คนบนโลก ขอเพียงแต่เรายอมรับและเดินตามเส้นทางที่พระองค์บอกไว้ เราทุกคนก็จะสามารถบรรลุความเป็นพุทธได้เช่นกัน

        ถาม - ทำไมจึงต้องบรรลุเป็นพุทธ ต้องตั้งจิตอย่างไรจึงจะได้บรรลุเป็นพุทธ?

        พระอาจารย์เสวเฉิง - พุทธแปลว่าการตื่นรู้ ตื่นรู้ทุกสิ่งในโลก รู้ความจริงของชีวิต ทำให้สามารถหลุดพ้นจากกิเลสได้สิ้น พัฒนาขึ้นเป็นมนุษย์ที่ประเสริฐอย่างสมบูรณ์แบบ เข้าถึงความเป็นอิสระอย่างยิ่ง เป็นคุณค่าอันสูงสุดของความเป็นมนุษย์

        ตัวอย่างเช่น เด็กคนหนึ่ง พ่อแม่จะสอนให้มีเป้าหมายของชีวิตตั้งแต่เล็ก เช่น "โตขึ้นจะเป็นนักวิทยาศาสตร์" ไม่ได้แปลว่าเขาจะมีคุณสมบัติของการเป็นนักวิทยาศาสตร์ในทันที เขาต้องเริ่มต้นเรียนรู้ตั้งแต่การอ่านเขียน แล้วค่อย ๆ พัฒนาเติบโตขึ้น การบรรลุเป็นพุทธก็เหมือนกัน เป็นปณิธานอันสูงยิ่ง ต้องใช้เวลาในการปฏิบัติฝึกฝนอย่างยาวนาน การบรรลุไม่ใช่เพื่อการมีชีวิตที่เป็นอมตะ แต่เพื่อทำให้ชีวิตของตนเองเจริญถึงความสมบูรณ์อันสูงสุด จิตใจกว้างขวางอย่างถึงที่สุด เมื่อพัฒนามาถึงจุดนี้แล้ว จะสลายความคิดที่แบ่งแยกเราเขาได้อย่างหมดสิ้น สามารถทำหน้าที่ให้ประโยชน์ให้แก่สรรพสัตว์ได้อย่างไร้ขอบเขต อนึ่ง ลัทธิขงจื๊อสอนให้คนมีปณิธานเพื่อเป็นวิญญูชน ฝึกฝนตนเองเพื่อดูแลครอบครัว ปกครองประเทศ และสร้างสันติสุขให้แก่โลก เป้าหมายนี้มีส่วนที่เหมือนกันกับศาสนาพุทธ ที่สอนให้บรรลุเป็นพุทธเพื่อประโยชน์แก่สัตว์โลกทั้งปวง ต่างก็ฝีกฝนปฏิบัติพัฒนาตนเองก็เพื่อปรับปรุงและเพิ่มพูนประโยชน์สุขของผู้คนให้เจริญขึ้น

        ถาม - บรรลุพุทธแล้วจะมีสภาวะอย่างไร?

        พระอาจารย์เสวเฉิง - การบรรลุพุทธเป็นสภาวะที่ปุถุชนไม่สามารถจะคิดนึกเอาได้ว่าเป็นอย่างไร การบรรลุคือการดับกิเลสโดยสิ้นเชิง ดับทุกข์ มีทั้งเมตตาและปัญญาอย่างสมบูรณ์ ถึงยิ่งแล้วด้วยความบริสุทธิ์ ความสงบ ความยินดี ความเป็นอิสระ และความไม่เกรงกลัวใด ๆ 

        ถาม - ปัญญาของพุทธแสดงออกอย่างไร

        พระอาจารย์เสวเฉิง - คือการรู้แจ้งถึงเหตุปัจจัยทั้งหมดของสรรพสิ่ง ไม่ถูกสภาวะใด ๆ ผูกมัด จงอ่านในคัมภีร์พุทธธรรมให้มาก จะได้พบเห็นปัญญาของพระพุทธเจ้าอยู่เนือง ๆ 

        ถาม - การบรรลุเป็นพุทธกับการหลุดพ้นต่างกันอย่างไร?

        พระอาจารย์เสวเฉิง - การบรรลุเป็นพุทธมีเป้าหมายคือการช่วยสัตว์โลกให้พ้นทุกข์ ไม่ใช่การพ้นทุกข์เฉพาะตน จะต้องช่วยเหลือสัตว์ทั้งหลายให้พ้นทุกข์ด้วย ส่วนการหลุดพ้นคือการออกจากการเวียนตายเวียนเกิดในภพทั้ง ๖ ถ้าต้องการเพียงการหลุดพ้นเฉพาะตน ให้ละความยึดในตัวตนก็พอแล้ว แต่หากต้องการบรรลุเป็นพุทธ ต้องบำเพ็ญบารมีอย่างยิ่งยวดด้วย

        ถาม - ทำไมจึงต้องสนับสนุนและบำรุงพุทธ พุทธกับคนธรรมดาต่างกันอย่างไร?

        พระอาจารย์เสวเฉิง - การสนับสนุนบำรุงนี้ไม่ใช่ความต้องการของพระโพธิสัตว์ แต่เป็นความจำเป็นของสัตว์โลก สัตว์โลกมักจะคิดถึงตัวของตัวเองอยู่เสมอ มีความโลภอยากได้ในสิ่งที่รักที่ชอบทั้งหลาย ด้วยการเสียสละและบำรุงพุทธจะสามารถล้างจิตที่ขี้โลภของตนได้ เป็นเครื่องมือของการปฏิบัติธรรม ศีลข้อต่าง ๆ ที่บัญญัติขึ้นก็เหมือนกัน กำหนดขึ้นก็เพื่อช่วยให้เราหลุดออกจากโคลนตมแห่งกิเลสทั้งห้าได้ อาศัยความบริสุทธิ์จากภายนอกมาชำระล้างกิเลสในจิตของเรา ความแตกต่างระหว่างพุทธกับคนธรรมดาอยู่ที่จิต ไม่ได้อยู่ที่รูปลักษณ์

        ถาม - พุทธคืออะไร? ธรรมคืออะไร? พุทธธรรมคืออะไร?

        พระอาจารย์เสวเฉิง - พุทธคือผู้ที่ตื่นรู้ ธรรมคือการปฏิบัติเพื่อการตื่นรู้ พุทธธรรมแบ่งเป็นสองอย่างคือพุทธวจนะกับสาวกธรรม พุทธวจนะคือคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ได้ปฏิบัติเองจนตรัสรู้ รวมทั้งประสบการณ์ชีวิตของพระพุทธองค์ด้วย ส่วนสาวกธรรมคือประสบการณ์จริงที่มีผู้ปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าแล้วได้รับผลจริงเป็นของตนเอง

        ถาม - พระรัตนตรัยคืออะไร มีความสัมพันธ์กันอย่างไร?

        พระอาจารย์เสวเฉิง - พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คือพระรัตนตรัย เหตุที่เรียกว่ารัตนะเพราะสิ่งเหล่านี้อุบัติขึ้นเป็นสิ่งมีค่าที่หาได้ยาก เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์โลกอย่างยิ่ง ขอเพียงเราปฏิบัติตาม ก็จะเป็นสมบัติติดตัวไป ตกน้ำตกไฟก็ไม่สูญสลาย โจรก็ปล้นเอาไปไม่ได้ แม้ตายไปแล้วก็ยังไม่มีใครเอาไปจากเราได้ เป็นสมบัติส่วนตัวที่จะมีใช้ไปได้หลายชาติไม่มีหมด สมบัติแก้วแหวนเงินทองในทางโลกไม่สามารถจะเทียบได้เลย

         สามสิ่งนี้มีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกัน พุทธรัตนะคือบุคคลที่ปฏิบัติจนถึงความสมบูรณ์ด้วยคุณบารมีและปัญญาแล้ว แสดงธรรมที่ปฏิบัติจนสำเร็จแล้วด้วยตนเองแก่โลก ซึ่งก็คือธรรมรัตนะ ส่วนสังฆรัตนะคือผู้ที่เดินตามรอยพระพุทธเจ้า ปฏิบัติตามธรรมของพระพุทธเจ้า และช่วยเหลือสัตว์โลกในการปฏิบัติตามธรรมของพระพุทธเจ้า

         ถาม - ทำไมจึงมีฆราวาสที่นับถือเพียงสองรัตนะ?

        พระอาจารย์เสวเฉิง - เหตุที่เกิดมีฆราวาสนับถือสองรัตนะ ส่วนใหญ่เกิดจากคนที่ไม่เห็นกิเลสในตัวเอง มีความยึดมั่นถือมั่นในตัวเอง มองเห็นพฤติกรรมของหมู่สงฆ์เพียงด้านเดียวอย่างมีอคติ จึงเกิดความเข้าใจผิดหรือถึงขั้นตำหนิว่าร้าย ถือว่าเป็นการเห็นผิดอย่างร้ายแรง

        ถาม - หัวใจของพระธรรมคืออะไร?

        พระอาจารย์เสวเฉิง - หัวใจของพระธรรมคือเมตตาและปัญญา

        ถาม - โลกทัศน์ของศาสนาพุทธเป็นอย่างไร?

        พระอาจารย์เสวเฉิง - ในจักรวาลไม่มีสิ่งใดที่เป็นอยู่อย่างอิสระโดด ๆ วัตถุหรือปรากฏการณ์ทั้งหลายดูเผิน ๆ เหมือนว่าเป็นอิสระโดยตัวมันเอง แต่ภายในล้วนอิงอาศัยกันและกันอย่างมากมายและสลับซับซ้อน ในฐานะคน ๆ หนึ่ง ไม่มีพฤติกรรมใดเลยที่จะไม่มีอิทธิพลต่อผู้อื่น ในขณะเดียวกัน สิ่งต่าง ๆ ที่เป็นเหตุปัจจัยอันซับซ้อนในจักรวาลก็มีอิทธิพลต่อตัวเราด้วย ดังนั้น เราจึงต้องสนใจพฤติกรรมทั้งของตนเองและผู้อื่น สนใจอิทธิพลและความสัมพันธ์ของเรากับสังคมและธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ควบคุมพฤติกรรมของตนเอง พยายามปฏิบัติตนในทิศทางที่เป็นกุศล นี่คือโลกทัศน์ของศาสนาพุทธที่เห็นสรรพสิ่งเกิดจากความว่าง สรรพสิ่งคือองค์รวมหนึ่งเดียว และมีสภาพเป็นอยู่อย่างประสานสอดคล้องกัน กายและจิตไม่เป็นสอง เราและเขาไม่เป็นสอง มีชีวทัศน์และโลกทัศน์ที่ถือเอาความเมตตาและปัญญาเป็นแก่นแกนสำคัญ


ตอบคำถามโดย 学诚法师 (พระอาจารย์เสวเฉิง)
ที่มา http://rufodao.qq.com/a/20170605/024822.htm

หมายเหตุ แปลเอาความเท่าที่ผู้แปลมีภูมิเท่านั้น อาจไม่ตรงความหมายในทางมหายานทั้งหมด แต่ประเด็นหลักที่นำมาแปลคือการยืนยันว่าพระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์ และศาสนาพุทธเป็นอเทวนิยม นอกจากนี้ แนวคิดของมหายานจะเน้นถึงความเป็นโพธิสัตว์ที่มุ่งช่วยเหลือสัตว์โลกให้พ้นทุกข์ และทุกคนสามารถบรรลุความเป็นพุทธเหมือนพระพุทธเจ้าได้ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ทำไมผมจึงเลิกกินเนื้อสัตว์

        วันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลาประมาณบ่ายโมง ผมกุมมือแม่อยู่ข้างเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล พร่ำพูดที่ข้างหูของแม่ว่าให้นึกถึงความดี...