12 ก.ย. 2560

เมื่อเจ็บป่วย เราจะสลายกรรมและสั่งสมกุศลได้อย่างไร



        เมื่อพบอุปสรรคจะเกิดปัญญา เมื่อพบวิบากร้ายก็จะได้เพิ่มฐานของการปฏิบัติธรรม ตัวอย่างเช่น ถ้าวันนี้เราป่วย มันไม่ใช่ว่าเราได้ความเจ็บไข้หรอก แต่เป็นการปล่อยความเจ็บไข้ออกมาต่างหาก อย่างไรน่ะหรือ? ถ้าเราไม่เคยทำเหตุของมันมาก่อน วันนี้เราก็จะไม่ป่วยเป็นโรคนี้หรอก โรคนี้มันสะสมอยู่ในตัวเราอยู่ก่อนแล้ว พอถึงวันนี้เมื่อเหตุนั้นสุกงอมได้ที่ ก็แสดงผลออกมาเป็นโรค หรือจะพูดอีกอย่างก็ได้ว่ากรรมนั้นให้ผลแล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นการปล่อยโรคออกมา ไม่ใช่การเกิดของโรค กรรมที่เราทำ ณ ปัจจุบันนี้สิจึงจะเป็นเหตุ อันนี้จึงจะเรียกได้ว่า การเกิดของโรค แต่ถ้าวันนี้เรากำลังได้รับผลของการที่เราก่อโรคไว้แล้ว เรามีอาการเจ็บป่วย อันนี้เรียกว่าโรคนั้นมันถูกปล่อยออกมา

        ผู้ที่มีปัญญาจะกลัวการก่อกรรมชั่วใหม่ และไม่กลัวการรับผลแห่งกรรมที่ได้ทำไปแล้ว ผู้ที่ไม่มีปัญญาจะกลัวการรับผลแห่งกรรม แต่ไม่กลัวการก่อกรรมชั่วใหม่ เมื่อท่านได้กระทำเหตุแห่งกรรมใดลงไปแล้ว ในอนาคตย่อมต้องได้รับผลแห่งกรรมนั้นอย่างแน่นอน ผลแห่งกรรมที่ท่านได้รับในขณะปัจจุบันนี้ เกิดจากเหตุที่ท่านได้กระทำไว้แล้วในอดีต มันคือการสลายตัวของกรรม เป็นการใช้หนี้ เป็นการปล่อยโรค ขับไล่มาร มันเป็นเรื่องดีนะ

        แต่พวกเราที่ยังเป็นปุถุชนอยู่ เวลาหว่านเพาะเหตุแห่งกรรมเลวนั้นมักไม่กลัว แต่พอถึงคราวต้องรับผลแห่งกรรมเลวกลับหวาดกลัว มันกลับหัวกลับหางกันอย่างนี้ ดังนั้น เมื่อเจ็บป่วยเป็นโรคขึ้นมา จงอย่ากลัว ถ้าเราเป็นนักปฏิบัติธรรมที่แท้จริงแล้วล่ะก็ ต่อไปนี้คือเคล็ดลับอันสุดยอดเลยทีเดียว

        ข้อที่ ๑ ถ้าเกิดป่วยขึ้นมาในวันนี้ แปลว่าวิบากกรรมเก่าของเรายังชดใช้ไม่หมด ยังใช้หนี้เก่าไม่หมด เราต้องสำนึกผิดต่อกรรมชั่วที่เคยทำมาทั้งหมดทั้งสิ้น โดยเฉพาะกรรมจากการทำร้ายชีวิตสัตว์ ด้วยการสำนึกผิดนี้ วิบากกรรมจะถูกสลายลงไปได้ เมื่อวิบากกรรมสลาย ผลแห่งกรรมก็จะจบสิ้นไป ทุกอย่างก็จะดีขึ้น

        ข้อที่ ๒ การเจ็บป่วยต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้ากรรมนายเวรอย่างแน่นอน โอกาสที่จะได้ชดใช้หนี้มาถึงเราแล้ว เราไม่ควรจะต้องกลัว ควรที่จะเผชิญหน้ากับมัน พยายามแผ่เมตตาจิตไปให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายให้มาก ๆ เพื่อให้เขาเหล่านั้นยอมรับและพอใจ ก็จะเป็นการได้ใช้หนี้ให้เขาแล้ว 

        ข้อที่ ๓ โอกาสของการปฏิบัติธรรมมาถึงแล้ว จงใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ เราสามารถบำเพ็ญจิตโพธิสัตว์ด้วยการเห็นประโยชน์ของผู้อื่นมาก่อนประโยชน์ตน ทำประโยชน์ให้ผู้อื่นเพื่อสั่งสมจิตโพธิสัตว์ การปฏิบัติอย่างนี้นอกจากจะสามารถคลี่คลายกรรมและสั่งสมกุศลแล้ว ยังเป็นการชดใช้หนี้ และยังช่วยเพิ่มฐานของการปฏิบัติธรรมของเราเองขึ้นมาได้ด้วย อันนี้ก็เป็นเรื่องดี

        แต่หากเราไม่เข้าใจเหตุผลอย่างนี้ เมื่อเกิดเจ็บป่วยขึ้น ใจก็คิดกังวลว่า "แย่แล้วเรา จะทำยังไงดี" ก็เท่ากับเป็นการสร้างกรรมใหม่อีก ต้องเข้าใจว่านี่คือผลของกรรม ถ้าเราไม่เชื่อกรรมก็เท่ากับเป็นอวิชชา เป็นมิจฉาทิฏฐิ เราจะกลัวสิ่งที่มีอยู่ในตัวเราอยู่แล้ว กลัวสัตว์ทั้งหลายจะมารบกวนทำร้าย แล้วหาทางออกด้วยการไปหาหมอดูให้ช่วย พวกนั้นก็ดีแต่พูดเดามั่วซั่ว "ท่านเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มีสิ่งนั้นสิ่งนี้ในตัว..." ทำแบบนั้นแล้วก็เท่ากับเราได้ไปทำให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายเพิ่มความพยาบาทชิงชังแก่เรามากขึ้น ยิ่งเพิ่มวิบากกรรมเลวของตนเองขึ้นไปอีก เสร็จแล้วก็ไปฆ่าสัตว์เพื่อเอามากินบำรุงร่างกาย ไปกินของที่ไม่บริสุทธิ์จากบาป ทำร้ายชีวิตสัตว์เพิ่มขึ้นไปอีก ยิ่งทำไปอย่างนี้ก็ยิ่งแย่ ต่อไปจะต้องได้รับเคราะห์กรรมมากยิ่งขึ้น



เขียนโดย 达真堪布
ที่มา http://rufodao.qq.com/a/20170911/030999.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ทำไมผมจึงเลิกกินเนื้อสัตว์

        วันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลาประมาณบ่ายโมง ผมกุมมือแม่อยู่ข้างเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล พร่ำพูดที่ข้างหูของแม่ว่าให้นึกถึงความดี...