31 พ.ค. 2561

เกิดเป็นมนุษย์นั้นไม่ง่าย แค่ ๐.๐๑ เปอร์เซ็นต์

        เมื่อมนุษย์แหงนหน้าขึ้นมองดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวมากมาย มักจะเกิดความรู้สึกว่าเราเป็นแค่จุดเล็ก ๆ กระจ้อยร่อยในจักรวาล แต่เวลาที่ต้องแก่งแย่งแข่งขันกันในโลกของการงานและเศรษฐกิจ เราก็มักจะหลงลืมความรู้สึกแบบนั้นไป

        เมื่อเร็ว ๆ นี้มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ สหรัฐอเมริกา รายงานว่า ประชากรมนุษย์โลกทั้ง ๗,๖๐๐ ล้านคนนั้นคิดเป็นเพียงร้อยละ ๐.๐๑ ของมวลสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลก ...มนุษย์นี้มันช่างกระจ้อยร่อยจริง ๆ

ศ. รอน มิโล
        รายงาน "การสำรวจมวลสิ่งมีชีวิตบนโลก" ฉบับนี้ จัดทำโดยทีมงานวิจัยที่นำโดยศาสตราจารย์รอน มิโล (Ron Milo) แห่งสถาบันวิจัยไวส์มาน (Weizmann Institute of Science) ใช้เวลาในการศึกษา ๓ ปี และเรียบเรียงออกมาเป็นผลงานที่มีทั้งข้อมูลและการวิเคราะห์หลายข้อ 

        ศาสตราจารย์มิโลพบว่า ปริมาณของสิ่งมีชีวิตบนโลกมีอยู่ทั้งสิ้น ๕.๕ แสนล้านตันคาร์บอน ในจำนวนนี้เป็นพืช ๘๒ เปอร์เซ็นต์ เป็นแบคทีเรีย ๑๓ เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นก็เป็นชีวิตอื่น ๆ เช่นพวกแมลง เชื้อรา ตลอดจนถึงวาฬและช้าง ทั้งหมดนี้คิดเป็นเพียง ๕ เปอร์เซ็นต์ของมวลชีวิตทั้งโลก

        ถึงแม้ว่าเปลือกโลกจะประกอบด้วยน้ำทะเลถึง ๗๑ เปอร์เซ็นต์ แต่ผลการวิจัยพบว่า สิ่งมีชีวิตที่อยู่ใต้ท้องทะเลนั้นมีเพียง ๑ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ชีวิตส่วนใหญ่ (๘๖ เปอร์เซนต์) อาศัยอยู่บนแผ่นดิน ส่วนที่เหลืออีก ๑๓ เปอร์เซ็นต์เป็นพวกแบคทีเรียที่ฝังตัวอยู่ในพื้นดิน




        ข้อมูลที่น่าตกใจก็คือ การเลี้ยงสัตว์และการทำปศุสัตว์ของมนุษย์มีผลอย่างสำคัญต่อมวลชีวิตบนโลก 

        ในจำนวนของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั่วทั้งโลกนั้น มีอยู่ ๖๐ เปอร์เซ็นต์ที่เป็นสัตว์เลี้ยง (ส่วนใหญ่เป็นวัวและหมู) ๓๖ เปอร์เซ็นต์เป็นมนุษย์ มีเพียง ๔ เปอร์เซ็นต์ที่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เป็นสัตว์ป่า นอกจากนี้ยังพบด้วยว่า สัตว์เลี้ยงจำพวกไก่และเป็ดมีจำนวนคิดเป็น ๗๐ เปอร์เซ็นต์ของสัตว์ปีกทั้งโลก

        พูดง่าย ๆ ว่า ถ้าให้เราเข้าไปอยู่ในห้องที่มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ๑๐๐ ตัว และสัตว์ปีก ๑๐๐ ตัว ตามอัตราส่วนข้างต้น สัตว์ที่อยู่ล้อมรอบตัวเราส่วนใหญ่จะเป็นสัตว์ที่มีเนื้ออร่อย เช่น วัว หมู ไก่ และเป็ด


        ถ้าเทียบกับปริมาณที่มีอยู่เพียงหยิบมือเดียวคือ ๐.๐๑ เปอร์เซ็นต์ มนุษย์เราน่าจะรู้สึกถึงพลังทำลายล้างของตนเองได้ยิ่งกว่าเรื่องจำนวน

        ข้อมูลจากการวิจัยพบว่า ตั้งแต่เริ่มเข้าสู่ยุคของอารยธรรมมนุษย์เป็นต้นมา ๘๓ เปอร์เซ็นต์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมได้สูญพันธุ์ไปแล้ว ๘๐ เปอร์เซ็นต์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลได้หายสาปสูญไป ๕๐ เปอร์เซ็นต์ของพืชพันธุ์และ ๑๕ เปอร์เซ็นต์ของปลากำลังจะถูกทำลายล้างอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก

        เพียงแค่ดีดนิ้ว มนุษย์ก็ล้างผลาญโลกได้อย่างมหาศาล

        กิจกรรมของมนุษย์ก่อผลกระทบต่อดาวโลกอย่างมหาศาล จนกระทั่งนักวิทยาศาสตร์บางส่วนตั้งให้ยุคสมัยตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๕๐ จนถึงปัจจุบัน เป็นยุคใหม่ทางธรณีวิทยา มีชื่อเรียกว่า "ยุคมนุษย์" (Anthropocene)

        ยุคทางธรณีวิทยานี้เริ่มต้น ณ จุดที่เริ่มมีการทดลองนิวเคลียร์ มีมลภาวะจากพลาสติค และมีการเลี้ยงไก่เป็นเป็นสัตว์เลี้ยง นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า การเลี้ยงไก่แบบอุตสาหกรรมทำให้ความหลากหลายในชนิดพันธุ์ของไก่ลดลงอย่างมาก ปัจจุบันแม้แต่โครงกระดูกของไก่ก็ไม่เหมือนกับบรรพบุรุษไก่ในอดีตแล้ว

        นอกจากนี้ ยังมีรายงานการวิจัยอีกชิ้นหนึ่งของสถาบันเดียวกันนี้พบว่า ในช่วงระยะเวลา ๕๐ ปีมานี้ ครึ่งหนึ่งของชนิดพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตบนโลกได้สูญพันธุ์ไปแล้ว นักวิทยาศาสตร์เองยังถึงกับสะท้านในใจ และเรียกยุคนี้ว่า "ยุคที่เกิดการสูญพันธุ์ขนานใหญ่ครั้งที่ ๖ ของประวัติศาสตร์ดาวโลก"

        ศาสตราจารย์มิโลชี้ว่า การสำรวจประชากรสิ่งมีชีวิตครั้งนี้ เป็นการวิเคราะห์มวลชีวิตทั่วทั้งโลก (รวมทั้งไวรัส) อย่างรอบด้านเป็นครั้งแรก

        ผมหวังว่ามนุษย์เราจะเข้าใจถึงบทบาทของมนุษย์ที่มีต่อดาวโลก และหวังว่างานศึกษาชิ้นนี้จะมีผลในทางที่สร้างสรรค์ต่อโลกทัศน์และรูปแบบการบริโภคของมนุษย์ด้วย

        "การเลือกกินอาหารของเรามีผลอย่างมากมายต่อชีวิตสัตว์ พืช และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ บนโลก" ศาสตราจารย์มิโลพูดถึงเรื่องกินโดยเฉพาะ เขากล่าวว่า หลังจากทำงานวิจัยชิ้นนี้จบแล้วเขาก็กินเนื้อสัตว์น้อยลงมาก



ที่มา https://view.inews.qq.com/a/20180529A10G5G00

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ทำไมผมจึงเลิกกินเนื้อสัตว์

        วันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลาประมาณบ่ายโมง ผมกุมมือแม่อยู่ข้างเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล พร่ำพูดที่ข้างหูของแม่ว่าให้นึกถึงความดี...