14 พ.ค. 2561

โรงพยาบาลมังสวิรัติ การปฏิวัติด้านอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น


        ในขณะที่ท่านยังเถียงอยู่ว่า กินมังสวิรัติจะขาดสารอาหาร กินมังสวิรัติจะไม่มีแรง กว่าที่มนุษย์เราจะปีนขึ้นมาอยู่บนจุดสุดยอดของห่วงโซ่อาหารได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แล้วจะให้เรากลับไปกินมังสวิรัติอย่างนั้นหรือ

        แต่เวลานี้ได้มีแพทย์กลุ่มหนึ่งที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารของตนเองมาเป็นมังสวิรัติ ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังทำให้โรงพยาบาลกลายเป็น "โรงพยาบาลมังสวิรัติ" ด้วย แพทย์กลุ่มนี้กำลังใช้ตัวอย่างของคนไข้และข้อมูลจริงเพื่อบอกเราถึงความสำคัญของการปฏิวัติด้านอาหารครั้งนี้

        ปี ๒๐๑๗ ครั้งแรกของ "หอผู้ป่วยมังสวิรัติ"

        "ผู้ป่วยควรกินเนื้อนมไข่ให้มากเพื่อเสริมสร้างโปรตีน" นี่เป็นความเข้าใจของคนทั่วไปเกี่ยวกับอาหารการกินของผู้ป่วย อันที่จริง สำหรับผู้ป่วยโรคเรื้อรังเช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง มะเร็ง เบาหวาน เป็นต้น การกินอาหารเนื้อสัตว์มาก ๆ หาได้ช่วยบำรุงแต่อย่างใด กลับจะเป็นภาระและไม่เป็นผลดีต่อร่างกายของผู้ป่วยด้วยซ้ำ 

        เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ค.ศ. ๒๐๑๗ ศาสตราจารย์เซี่ยวฉางเจียง แพทย์เฉพาะทางด้านหลอดเลือดหัวใจประจำสถาบันเวชศาสตร์แพทย์แผนจีนมณฑลหูหนาน (Hunan) ร่วมกับองค์กรสาธารณกุศลได้ริเริ่มโครงการ "หอผู้ป่วยมังสวิรัติ" ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศจีน ด้วยการแจกฟรี "อาหารมังสวิรัติทุกวันจันทร์" ให้แก่ผู้ป่วยที่สนใจ นับเป็นการเปิดศักราชครั้งแรกของการปฏิวัติด้านอาหารสุขภาพในวงการสาธารณสุขของมณฑลหูหนาน

        นับตั้งแต่เริ่มโครงการนี้มา คนไข้ของแผนกหลอดเลือดหัวใจ โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนมณฑลหูหนาน สามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับอาหารกลางวันฟรีหนึ่งมื้อซึ่งเป็น "อาหารมังสวิรัติจากผู้ใจบุญ" ได้ทุกวันจันทร์ ผลก็คือคนไข้ให้การตอบรับกับโครงการ "หอผู้ป่วยมังสวิรัติ" นี้อย่างดียิ่ง

        ผู้ป่วยสูงวัยท่านหนึ่งที่ได้รับ "อาหารมังสวิรัติจากผู้ใจบุญ" นี้เปิดเผยความรู้สึกว่า "หลังออกจากโรงพยาบาลแล้วฉันจะบอกคนอื่น ๆ ให้หันมากินมังสวิรัติกันมากขึ้น ฉันยังยินดีบริจาคเงินอีก ๖๐๐ หยวนเพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายของโครงการอาหารมังสวิรัติสำหรับผู้ป่วยคนอื่น ๆ ด้วย ถ้าเรารู้จักประโยชน์ของอาหารมังสวิรัติ ถ้าเราเดินตามแนวทางเพื่อสุขภาพอย่างนี้ ฉันและคนในครอบครัวก็จะห่างไกลจากโรคหัวใจได้"

        โครงการ "หอผู้ป่วยมังสวิรัติ" นี้ ศาสตราจารย์เซี่ยวฉางเจียงร่วมกับผู้ใจบุญในแวดวงต่าง ๆ ได้ผลักดันและดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ในช่วงแรกเป็นการทดลองแจก "อาหารมังสวิรัติทุกวันจันทร์" ต่อมาก็ค่อย ๆ ขยายมาเป็น "อาหารมังสวิรัติวันละมื้อ" โดยมุ่งหวังว่าการแจกอาหารฟรีนี้จะกระตุ้นให้ผู้ป่วยโรคเรื้อรังเช่นโรคหัวใจเป็นต้น เกิดความสำนึกรู้ในเรื่องอาหารสุขภาพ และจุดประกายให้ผู้ป่วยค่อย ๆ ก้าวเข้าสู่พฤติกรรมการกินอาหารสุขภาพและพัฒนาต่อไปสู่การกินอาหารมังสวิรัติเป็นหลักได้อย่างต่อเนื่อง

        ปี ๒๐๑๘ "โรงพยาบาลมังสวิรัติ" แห่งแรกของประเทศจีน

โรงพยาบาลประจำเขตเทียนซิน
        วันที่ ๑๐ เมษายน ค.ศ. ๒๐๑๘ โรงพยาบาลมังสวิรัติแห่งแรกก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ ณ โรงพยาบาลการแพทย์แบบผสมผสานเมืองฉางซา (มีอีกชื่อหนึ่งว่าโรงพยาบาลประจำเขตเทียนซินเมืองฉางซา) จุดมุ่งหมายของโรงพยาบาลมังสวิรัตินี้ก็คือ อาศัยแนวคิด "มังสวิรัติสัปดาห์ละหนึ่งมื้อ" แจกอาหารมังสวิรัติให้แก่คนไข้ หมอ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ๑ มื้อ เพื่อกระตุ้นให้ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคหลอดเลือด โรคเบาหวาน รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ เกิดความใส่ใจเรื่องอาหารสุขภาพ สร้างพฤติกรรมให้ย้อนกลับไปสู่รูปแบบการกินอาหารแบบดั้งเดิมที่เน้นการกินพืชผักเป็นหลัก เสริมสร้างวิถีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพแบบเก่าก่อนให้ฟื้นคืนกลับมาใหม่อีกครั้ง 

        เซี่ยวฉางเจียง หัวหน้าคณะกรรมการการแพทย์ธรรมชาติ สมาคมการแพทย์แบบผสมผสานมณฑลหูหนานได้เปิดเผยว่า "โรงพยาบาลมังสวิรัติ" มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการให้ความรู้เรื่องสุขภาพเชิงประสบการณ์ การรณรงค์แนวคิดที่ว่าอาหารมังสวิรัติดีต่อสุขภาพยิ่งกว่า ทำให้ผู้ป่วย หมอ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์จำนวนมากได้ทดลองกินอาหารมังสวิรัติ ยอมรับรูปแบบการกินอาหารที่มีพืชผักเป็นหลัก สิ่งนี้จะเป็นการเปิดศักราชของการปฏิวัติด้านอาหารในวงการสาธารณสุข เขาหวังว่าโรงพยาบาลประจำเขตเทียนซินจะเป็นผู้เผยแพร่แนวคิดและวัฒนธรรมด้านอาหารมังสวิรัติเพื่อสุขภาพ และเป็นแบบอย่างของการนำอาหารมังสวิรัติเข้าสู่หอผู้ป่วยของประเทศจีน

        ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ประเทศจีนพบอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง มากกว่าโรคมะเร็งและโรคอื่น ๆ จนกลายเป็น "เพชฌฆาตอันดับหนึ่ง" ของวงการสาธารณสุขจีนไปแล้ว ศาสตราจารย์จ้าวสุ่ยผิง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจชี้ว่า สาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมการกินอาหารและการดำเนินชีวิตของคนสมัยนี้ที่เปลี่ยนไป คนจำนวนมากกินดีเกินไปและออกกำลังกายน้อยเกินไป

ศาสตราจารย์จ้าวสุ่ยผิง

        ศาสตราจารย์จ้าวสุ่ยผิงเปิดเผยว่า การรณรงค์เชิงประสบการณ์ด้านอาหารมังสวิรัติเพื่อสุขภาพ ด้วยการนำอาหารมังสวิรัติเข้าสู่หอผู้ป่วย นอกจากจะมีผลดีอย่างมากในด้านการควบคุมโรคและฟื้นฟูร่างกาย เพราะอาหารมังสวิรัติมีกากใยและวิตามินต่าง ๆ มากแล้ว ยังช่วยให้คนจำนวนมากได้ทดลองกินและเรียนรู้เกี่ยวกับอาหารมังสวิรัติเพื่อสุขภาพด้วยตนเอง ได้ประสบการณ์ด้านรสชาติที่ดีและผลดีต่อสุขภาพของอาหารมังสวิรัติด้วย ทำให้คนหันกลับมาสู่วิถีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพได้มากขึ้น อันเป็นส่วนหนึ่งของการเสริมสร้างความเป็นคนมีสุขภาพดีของประเทศและของมณฑลหูหนาน

        "ปัจจุบันเรามีโรงพยาบาลเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ขนาดก็ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ วิทยาการด้านการแพทย์ก็พัฒนาก้าวหน้ายิ่งขึ้น ๆ แต่จำนวนผู้ป่วยกลับไม่เคยลดลงเลย มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะในกลุ่มพนักงานออฟฟิศซึ่งมีฐานะที่ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก สิ่งที่ตามมาก็คือภาวะการกินอาหารที่ล้นเกิน และพวกเขาก็มักจะไม่ค่อยได้ออกกำลังกายกันด้วย จึงทำให้ป่วยเป็นโรคต่าง ๆ ได้ง่าย" 

        ถงจวิ้นเจี๋ย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจำเขตเทียนซินกล่าวว่า "ในฐานะโรงพยาบาลมังสวิรัติแห่งแรกของประเทศ เราหวังว่าการแจกอาหารมังสวิรัติฟรีสัปดาห์ละหนึ่งมื้อนี้ จะช่วยให้ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดและโรคอื่น ๆ สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินอาหารได้ และจะสามารถทำการรักษาผู้ป่วยด้วยอาหารและวิธีทางการแพทย์อื่น ๆ ควบคู่กันไปได้ด้วย"


        สมาคมการแพทย์อเมริกาเรียกร้องให้โรงพยาบาลทุกแห่งเสิร์ฟอาหารมังสวิรัติ

        มีรายงานจากเว็บ Live Science (livescience.com) ของอเมริกาว่า กลุ่มแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกากำลังเรียกร้องให้โรงพยาบาลทุกแห่งเสิร์ฟอาหารที่มาจากพืชผักล้วน ๆ (plant-based foods)

        สมาคมแพทย์อเมริกา (American Medical Association) กำลังเรียกร้องให้โรงพยาบาลทุกแห่งในประเทศเสิร์ฟอาหารสุขภาพอย่างหลากหลาย รวมถึงอาหารจากพืชผัก (plant-based foods) และอาหารที่มีไขมัน เกลือ และน้ำตาลต่ำ นอกจากนี้ ยังให้ตัดอาหารจำพวกเนื้อแปรรูป (processed meats) ออกจากเมนูด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างเสริมสุขภาพของผู้ป่วย บุคลากร และผู้มาเยี่ยมโรงพยาบาลให้ดีขึ้น

        ดอกเตอร์นีล บาร์นาร์ด (Dr. Neal Barnard) ประธานสมาคมการแพทย์ด้วยสำนึกรับผิดชอบแห่งอเมริกา (Physicians Committee for Responsible Medicine) ได้กล่าวในที่ประชุมของสมาคมการแพทย์อเมริกาโดยเปรียบเทียบอาหารทำลายสุขภาพกับยาสูบว่า "ในยุคของคนรุ่นก่อน สมาคมการแพทย์ได้พยายามกำจัดบุหรี่ออกจากโรงพยาบาล ซึ่งได้ช่วยให้ทุกคนมีสุขภาพดีขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องการละเลิกพฤติกรรมทำลายสุขภาพลงเสียบ้าง แม้แค่ชั่วคราวคือเวลาที่มาโรงพยาบาลก็ยังดี"

        ดร. บาร์นาร์ด กล่าวว่า ฮ็อตดอกและผลิตภัณฑ์เนื้อแปรรูปอื่น ๆ จะว่าไปแล้วก็เหมือนกันกับบุหรี่ มันสามารถก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ โดยในปี ค.ศ. ๒๐๑๕ องค์การอนามัยโลกได้จัดให้ผลิตภัณฑ์เนื้อแปรรูปอยู่ในกลุ่มสารก่อมะเร็งเช่นเดียวกับแร่ใยหินและบุหรี่


        ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกและองค์การวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศระบุว่า การกินเนื้อแปรรูปวันละ ๕๐ กรัมทุกวัน (เท่ากับเบค่อนไม่เกิน ๒ เส้น) จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่มากถึง ๑๘ เปอร์เซ็นต์


        โรงพยาบาลแอดเวนทิสฮ่องกง


        ตั้งแต่ปี ค.ศ. ๒๐๐๖ เป็นต้นมา เมนูอาหารในหอผู้ป่วยของโรงพยาบาลแอดเวนทิสที่ฮ่องกงก็ถูกเปลี่ยนเป็นอาหารมังสวิรัติ และเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ป่วยได้กินอาหารที่ปลอดภัย นักโภชนาการจะต้องตรวจสอบรายการอาหารที่ผู้ป่วยเลือกกินด้วย เพื่อป้องกันอาหารที่อาจทำให้อาการของผู้ป่วยแย่ลง

        หวงจื้อหยง นักโภชนาการประจำโรงพยาบาลกล่าวว่า "หลายปีก่อนมีรายงานผลการวิจัยเรื่องการป้องกันมะเร็งได้ให้คำแนะนำวิธีการสิบอย่างที่จะลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ในนั้นมีอยู่สองข้อที่บอกว่าให้กินอาหารมังสวิรัติและลดการกินเนื้อแดง เนื้อสัตว์นั้นมีไขมันและคอเลสเตอรอลสูง ไม่ดีต่อสุขภาพของผู้ป่วยโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และคนอ้วน การกินเนื้อสัตว์มากเกินไป โดยเฉพาะเนื้อแดง จะมีผลเสียต่อระบบการย่อย เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งเต้านมและโรคเรื้อรังอื่น ๆ ด้วย ส่วนผักและผลไม้มีกากใยมาก การกินผักมาก ๆ จะช่วยลดโรคต่าง ๆ ที่กล่าวมาได้ อาหารจำพวกถั่วต่าง ๆ สามารถทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้ มันให้สารอาหารที่จำเป็นได้ครบถ้วน หากเราไม่ดื่มนมวัวและไม่กินเนยชีสเลย การกินบร็อคโคลี่และเต้าหู้ก็สามารถเสริมแคลเซี่ยมให้ร่างกายได้เช่นกัน"

        หวงจื้อหยงยังแนะนำอีกว่า เราสามารถใช้หน่อไม้ ฟักทอง และข้าวโพด เติมน้ำแล้วปั่นรวมกันเป็นน้ำซอส สามารถใช้แทนซอสปรุงรสที่มีโซเดียมสูงได้ เมนูอาหารมังสวิรัติของโรงพยาบาลแอดเวนทิสมีรสชาติและความหลากหลายไม่ด้อยไปกว่าร้านอาหารมังสวิรัติทั่วไปเลย ตั้งแต่โจ๊ก ก๋วยเตี๋ยว บะหมี่ ข้าว ออเดิร์ฟ อาหารจานหลัก ของหวานและขนมของว่างต่าง ๆ ทั้งอาหารจีนและอาหารฝรั่ง เมนูอะไรที่ควรมีเราก็มีทั้งนั้น


        โรงพยาบาลในไต้หวันที่เสิร์ฟแต่อาหารมังสวิรัติ

โรงพยาบาลฉือจี้ต้าหลิน

        หลินหมิงหนาน รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลฉือจี้ต้าหลินเปิดเผยว่า โรงพยาบาลทั้ง ๖ แห่งของมูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวัน ไม่ขายอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ มีขายแต่อาหารมังสวิรัติเท่านั้น ในแต่ละปีมีการบริโภคอาหารมังสวิรัติทั้งหมด ๒.๕๔ ล้านสำรับ นอกจากจะช่วยส่งเสริมสุขภาพและความมีเมตตาจิตแล้ว ยังลดการปล่อยกาซคาร์บอนไดออกไซด์อีกด้วย ศูนย์อาหารมังสวิรัติของฉือจี้มีอาหารจำหน่ายประมาณ ๒๐๐ รายการ ครบถ้วนทั้งคุณค่าและรสชาติ นอกจากฉือจี้แล้ว โรงพยาบาลไถอันของศาสนาคริสต์ก็ช่วยผลักดันเผยแพร่อาหารมังสวิรัติด้วยเช่นกัน

        "พวกเราอาศัยโครงการ "หอผู้ป่วยมังสวิรัติ" ในการเรียกร้องให้เกิดการปฏิวัติด้านอาหารที่ดีต่อสุขภาพทั้งกายและใจ ดีต่อสิ่งแวดล้อมโลก และดีต่อประเทศชาติและประชาชนด้วย กระตุ้นให้โรงพยาบาลและผู้ป่วยในประเทศหันมาสนใจเรื่องอาหารสุขภาพ เราเผยแพร่อาหารมังสวิรัติซึ่งมีประโยชน์อย่างมากในการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง อาการ stroke และโรคเรื้อรังอื่น ๆ "

        ดร. เซี่ยวฉางเจียงเปิดเผยว่า "ในประเทศจีน ๘๓ เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีสาเหตุจากโรคเรื้อรัง โดยเฉพาะโรคเบาหวาน จีนมีผู้ป่วยโรคเบาหวาน ๑๒๐ ล้านคน ถ้าเราสามารถรณรงค์ให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมากินอาหารมังสวิรัติเป็นอาหารหลักได้ ก็จะป้องกันโรคเบาหวานได้มาก และมีผู้ป่วยโรคเบาหวานจำนวนมากที่สามารถลดปริมาณน้ำตาลในเลือดได้ด้วยการกินอาหารมังสวิรัติ และลดอาการกำเริบของโรคได้ด้วย เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสังคม ประเทศชาติ และประชาชน"

        การเกิดขึ้นของโครงการ "หอผู้ป่วยมังสวิรัติ" มีความหมายมากกว่าอาหารสุขภาพรสชาติดีเพียงหนึ่งมื้อเท่านั้น ความหมายที่สำคัญยิ่งกว่าอยู่ที่การกระตุ้นให้คนส่วนใหญ่ที่ "กินของอร่อยตามใจปาก" ได้มีความสำนึกรู้ถึงความสำคัญของอาหารที่มีต่อสุขภาพ การยับยั้งความอยากในอาหารเนื้อสัตว์ สร้างพฤติกรรมเพื่อสุขภาพ สร้างความผาสุกแก่ทุกครอบครัว คุณค่าเหล่านี้ต่างหากคือความหมายที่แท้จริงของการปฏิวัติด้านอาหารในครั้งนี้



ที่มา http://new.qq.com/omn/20180507/20180507A102OS.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ทำไมผมจึงเลิกกินเนื้อสัตว์

        วันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลาประมาณบ่ายโมง ผมกุมมือแม่อยู่ข้างเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล พร่ำพูดที่ข้างหูของแม่ว่าให้นึกถึงความดี...