28 มิ.ย. 2560
พลังชีวิตของนักมังสวิรัติ
มีงานวิจัยของประเทศเยอรมันชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับการเปรียบเทียบพลังชีวิตจากสนามพลังของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในตัวของคนที่มีรูปแบบในการกินอาหารแตกต่างกัน ได้ผลดังนี้
กลุ่มคนที่กินผลไม้ป่า ผักที่ขึ้นตามธรรมชาติ ใบพืชและสมุนไพรเป็นอาหาร มีพลังสนามแม่เหล็กไฟฟ้าสูงที่สุด วัดได้ถึง 120,000 หน่วย
รองลงมาคือกลุ่มคนที่กินอาหารมังสวิรัติแบบเคร่งครัด หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า vegan คือกินพืชผักที่ไม่ผ่านความร้อนหรือผ่านความร้อนไม่เกิน 40 องศาเซลเซียส เช่น ผัก ผลไม้ ต้นอ่อนของธัญพืช ลูกเบอรี่ เมล็ดถั่ว สาหร่ายทะเล เป็นต้น ไม่มีโปรตีนจากสัตว์เลย วัดพลังชีวิตจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้ 84,000 หน่วย
กลุ่มคนที่กินอาหารมังสวิรัติแบบ organic หรือพืชผักอินทรีย์ แต่กินทั้งแบบสดและแบบสุก พลังชีวิตจากสนามพลังคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในตัววัดได้ 26,000 หน่วย
และกลุ่มคนที่กินเนื้อสัตว์ มีพลังชีวิตเพียง 1,000 หน่วย
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับพลังชีวิตของเด็กทารกด้วย เขาวัดได้ 40,000 หน่วย
ยังมีงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งจากมหาวิทยาลัย Loma Linda สหรัฐอเมริกา ซึ่งได้ทำการวิจัยกับกลุ่มนักมังสวิรัติเป็นเวลานานถึงเจ็ดปี พบว่านักมังสวิรัติจะมีอายุยืนกว่าคนที่กินเนื้อสัตว์ประมาณ 15 ปี
งานวิจัยเหล่านี้ได้รับการยืนยันตอกย้ำอีกระดับหนึ่งจากโครงการสุขภาพของจีน ที่ได้ทำการวิจัยแล้วพบว่า คนจีนที่ไม่ค่อยกินอาหารเนื้อสัตว์และอาหารที่มีไขมันสูง มีความเสี่ยงน้อยต่อการเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคอื่น ๆ
ยังมีงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งจากประเทศอังกฤษที่ทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่างประชากร 6000 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีอยู่ 5000 คนเป็นกลุ่มที่กินเนื้อสัตว์ ผลการสำรวจพบว่า 40% ของกลุ่มที่เป็นมังสวิรัติมีโอกาสน้อยมากที่จะเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง และมีเพียง 20% เท่านั้นที่จะเสียชีวิตจากการเจ็บป่วยด้วยโรคอื่น ๆ
ชาวมังสวิรัติเป็นพวกที่มีพลังชีวิตสูงที่สุด
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ที่ประเทศเยอรมันได้เกิดกระแสของการกินอาหารแบบ organic ขึ้น มีชาวเยอรมันจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่แสวงหาหนทางที่จะมีชีวิตและสุขภาพที่ดี พวกเขาใช้เวลา 7 - 90 วันในการทำดีท็อกซ์หรือล้างพิษ มีทั้งทำที่บ้านหรือไปทำที่ศูนย์ล้างพิษ โดยใช้น้ำเปล่าหรือน้ำมะนาวในการล้างพิษ พร้อมกับการอดอาหารหรือกินแต่น้ำผักผลไม้ไปด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อทำให้ร่างกายบริสุทธิ์สะอาด และปกติจะกินแต่อาหารมังสวิรัติแบบเพียว ๆ และอาหารที่เรียกกันว่า superfood เช่น เมล็ดเก๋ากี้ ต้นอ่อนของธัญพืช ยอดใบอ่อนของข้าวบาร์เลย์ เมล็ดโกโก้ เป็นต้น โดยไม่มีเนื้อสัตว์ ไข่ นม ปลา และผลิตภัณฑ์จากสัตว์อื่น ๆ เลย
คนเหล่านี้มีชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างมาก กล่าวคือ นอนแค่วันละ 3 - 6 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว มีพลังงานเต็มเปี่ยม สมองโปร่งโล่ง การมองเห็นดีขึ้น กำลังกายฟื้นคืนขึ้นเหมือนวัยรุ่น ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส ผมหงอกกลายเป็นผมดำ เบาเนื้อเบาตัว ยืดหยุ่นคล่องแคล่ว ประสาทแววไว อารมณ์ปลอดโปร่ง กล้ามเนื้อแน่น เจ็บป่วยก็หายได้โดยไม่ต้องใช้ยา หลายคนบอกว่าพวกเขารู้สึกเหมือนเป็นซุปเปอร์แมนเลยทีเดียว
ข้อดีของการกินอาหารแบบมังสวิรัติอย่างต่อเนื่อง
๑. ช่วยสร้างความฉลาด
ในคัมภีร์ต้าไต้หลี่จี้ (大戴礼记) กล่าวว่า "กินเนื้อจะแกร่งกล้าอาจหาญ กินธัญพืชจะฉลาดปราดเปรื่อง"
คำกล่าวข้างต้นมาจากคัมภีร์โบราณอันเก่าแก่ของจีน สนับสนุนว่าการกินอาหารมังสวิรัติจะช่วยให้มีปัญญาดีขึ้นได้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับปัญญาชนในยุคนั้น
นักวิจัยของสถาบันสาธารณสุขของญี่ปุ่นท่านหนึ่งได้ทำการศึกษาทัศนคติของคนในแวดวงวิชาการพบว่า คนที่เป็นนักมังสวิรัติจะมีราคะเบาบาง คนที่กินเนื้อสัตว์จะมีราคะมาก นักมังสวิรัติเป็นคนมีสติแจ่มใส คนที่กินเนื้อสัตว์จะเป็นคนมีสติขุ่นมัว นักมังสวิรัติจะมีพลังความคิดฉับไว คนที่กินเนื้อสัตว์จะมีประสาทรับรู้เชื่องช้า ผลการศึกษานี้สอดคล้องกับความคิดของคนจีนโบราณที่เชื่อว่ากินมังสวิรัติแล้วจะฉลาด
ย้อนหลังกลับไปเมื่อประมาณ ๔๐ ปีก่อน ช่วงนั้นวงการแพทย์ค่อนข้างสนใจเรื่องการเสริมสร้างความฉลาดกันอย่างมาก เชื่อว่าต้องกินอาหารที่มีฟอสฟอรัสและกากใยให้มาก โดยมีการอ้างอิงหลักทางวิทยาศาสตร์ว่าเซลล์สมองที่ขาดฟอสฟอรัสมีผลให้การทำงานของระบบประสาทช้าลง ส่วนการขาดธาตุเหล็กจะทำให้เป็นโรคโลหิตจาง ปวดหัว หัวใจเต้นเร็ว ขี้ลืม อ่อนเพลียง่าย เป็นต้น เด็กที่มีสุขภาวะแบบนี้ย่อมมีผลการเรียนไม่ดีแน่นอน อาหารจึงมีความสำคัญอย่างมากต่อการเรียน นักเรียนทั้งหลายจึงควรรู้ประโยชน์ของธาตุอาหารและการกินมังสวิรัติ
ใครก็อยากให้ตนเองเป็นคนฉลาดที่สุดในโลก โดยเฉพาะนักเรียน ทุกคนอยากมีความสามารถอ่านหนังสือได้เร็วและจำได้แม่นยำ ดังนั้น เพื่อที่จะเป็นยอดมนุษย์ที่ฉลาดล้ำหน้าคนอื่น จึงต้องบำรุงสมองและร่างกาย แต่คนจีนโบราณเคยมีความเชื่ออย่างผิด ๆ มาก่อน คือเชื่อว่าร่างกายที่อ่อนแอต้องบำรุงด้วยเนื้อสัตว์ แถมยังเชื่อว่ากินตับจะช่วยบำรุงตับ กินสมองก็ต้องบำรุงสมอง สมัยก่อนวิทยาศาสตร์ยังไม่ก้าวหน้านัก คนไม่รู้ว่าในสมองหมู สมองแพะ สมองวัวนั้นมีคอเลสเตอรอลสูง จึงกินกันตามความเชื่อว่าจะบำรุงสมองให้ฉลาดขึ้นได้ ทำให้ลูกหลานคนรวยจำนวนมากกลายเป็นเด็กสมองช้าปัญญาอ่อน ต่างจากลูกคนจน ๆ ที่มีกินแต่พืชผักบ้าน ๆ แต่กลับมีความฉลาดหลักแหลมมากกว่า
๒. พัฒนาจิตใจให้มีเมตตาธรรม
สำหรับมนุษยชาติ การกินอาหารมังสวิรัติมีประโยชน์อย่างยิ่งทั้งในด้านการดูแลสุขภาพและการหลีกเลี่ยงจากวิบากกรรม เป็นประโยชน์ในตนเองและขยายออกไปสู่สังคมประเทศชาติ ช่วยให้สังคมสงบสุข โลกจะมีสันติภาพมากขึ้น จะเห็นได้ว่าการกินอาหารมังสวิรัติมีประโยชน์มากมาย แต่ข้าพเจ้าเห็นว่าประโยชน์สูงสุดของมังสวิรัติคือการพัฒนาจิตใจให้มีเมตตาอย่างแท้จริง
๓. ป้องกันมะเร็ง
ปัจจุบันพอพูดถึงโรคมะเร็งทุกคนก็จะเกิดความกลัวกันทั้งนั้น การสูบบุหรี่ทำให้เป็นมะเร็งปอดนั้นเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็รู้กันหมดแล้ว แต่มีน้อยคนที่จะรู้ว่าเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะพวกปิ้งย่าง ก็เป็นนักฆ่าที่นำมะเร็งมาสู่เราได้เช่นกัน
จากผลการวิจัยทางการแพทย์พบว่า เนื้อสเต็กหนึ่งชิ้นมีสารก่อมะเร็งเท่ากับบุหรี่ 600 มวน ดังนั้น ถ้าเราไปหลงเชื่อว่าสเต็กเนื้อวัว เนื้อหมู บาร์บีคิว แฮมเบอเกอร์ มีธาตุอาหารอุดมสมบูรณ์ กินมาก ๆ จะเป็นประโยชน์ เป็นความเข้าใจผิดอย่างยิ่ง มันเท่ากับการเอาสุขภาพของตนเองและญาติมิตรมาลงเดิมพันในชีวิตเลยทีเดียว เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมาก
รายงานการวิจัยระบุว่า ขณะปิ้งย่างเนื้อสัตว์จะเกิดสารเคมีชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Melnylcholan threne ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งอย่างร้ายแรง ในการวิจัยได้ทดลองนำสารตัวนี้ไปทาตัวหนูทดลอง มันทำให้หนูเป็นโรคมะเร็งกระดูก มะเร็งในเม็ดเลือด มะเร็งในกระเพาะอาหาร เป็นต้น และเรื่องที่เราควรสังวรกันให้มากก็คือ เซลล์มะเร็งสามารถเติบโตได้ดีมากในผู้ป่วยที่ชอบกินเนื้อสัตว์ ไข่ ปลา และอาหารที่มีสภาพเป็นกรด ถ้าผู้ป่วยได้รับอาหารจากเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์เหล่านี้เป็นจำนวนมาก เลือดจะมีสภาพกลายเป็นกรด ซึ่งจะเป็นแหล่งอาศัยอันแสนสุขของเซลล์มะเร็ง มันจะแบ่งตัวและเพิ่มจำนวนมากขึ้นเป็นทวีคูณ ในทางกลับกัน ถ้าเราควบคุมความเป็นกรดในเลือดได้ กินผักและผลไม้ให้มาก ๆ จะช่วยเพิ่มความเป็นด่างในเลือดได้ เซลล์มะเร็งก็จะเติบโตได้ยาก จนถึงขั้นที่ถูกควบคุมไม่ให้ขยายตัวหรือลุกลามไปได้ ยิ่งถ้าได้รับการรักษาด้วยตัวยาที่เหมาะสมด้วยแล้ว ก็จะสามารถสลายเซลล์มะเร็งที่อ่อนแอนั้นออกไปได้
เพราะฉะนั้น การป้องกันมะเร็งอย่างได้ผลไม่ใช่เรื่องพิสดารอะไร เพียงแค่เราสามารถปฏิบัติตัวด้วยการกินอาหารที่เป็นพืชผักและธัญพืช ทำให้เลือดมีความเป็นด่างอย่างเหมาะสม โรคมะเร็งร้ายก็จะไม่มาแผ้วพานเราอย่างแน่นอน
๔. ลดความอ้วน ทำให้ร่างกายได้สัดส่วน
การลดความอ้วนด้วยการกินอาหารมังสวิรัติเป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุด แถมยังได้สุขภาพที่แข็งแรงอีกด้วย ปัจจัยสำคัญอยู่ตรงที่อาหารจากพืชจะทำให้เลือดมีความเป็นด่างอ่อน ๆ ซึ่งช่วยให้ระบบการสร้างเซลล์ใหม่แทนที่เซลล์เก่าของร่างกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นผลให้ไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายถูกแยกสลายและเผาผลาญออกไปได้ จนกลายเป็นการลดความอ้วนไปโดยธรรมชาติ
นอกจากนี้ อาหารจากพืชหากถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างเหมาะสม มีการผสมผสานกันได้อย่างสมดุลแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผักจำพวกถั่ว ผักที่เป็นหัว ผักใบ จะไม่ทำให้ร่างกายขาดสารอาหารใด ๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นไขมัน โปรตีน วิตามิน และเกลือแร่ ขณะที่อาหารจากพืชซึ่งมีแคลอรี่ต่ำจะช่วยให้ร่างกายมีน้ำหนักที่พอดี คนที่มีร่างเล็กก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีแคลอรี่เกินทำให้อ้วน เพราะฉะนั้น อาการของโรคต่าง ๆ ที่เกิดจากความอ้วน เช่น ปวดเอวปวดหลัง อ่อนเพลีย หอบหืด ใจสั่น ความดันสูง โรคหัวใจ เส้นเลือดในสมองแตก เป็นต้น ก็จะหายไปจนหมด ดังนั้น การลดความอ้วนด้วยอาหารมังสวิรัติมีประโยชน์อย่างมากและไม่มีผลข้างเคียงที่เสียหายเลย ขอให้ผู้ที่เป็นทุกข์กับการพยายามลดความอ้วนทั่วโลกจงสบายใจเถิด
๕. เสริมสร้างความงามอย่างมีประสิทธิภาพ
ผิวหนังที่หยาบกร้านนั้นเกิดจากการทำลายของพิษที่ตกค้างภายในร่างกาย อาหารจากสัตว์ที่เรากินเป็นประจำ ทั้งเนื้อ ปลา ไข่ จะทำให้เลือดมีกรดยูริคและกรดแล็คติคเพิ่มขึ้น กรดแล็คติคนั้นเมื่อถูกขับออกมาพร้อมกับเหงื่อก็จะติดอยู่บนผิวหนัง และยังคงกัดกร่อนเซลล์ที่ผิวหนังอยู่ ทำให้ผิวหนังขาดความยืดหยุ่น มีความรู้สึกว่าผิวหยาบกระด้างและเป็นรอยย่นหรือจุดด่างดำได้ง่าย แต่ถ้าเรากินอาหารจากพืชผักที่มีฤทธิ์เป็นด่างอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ กรดแล็คติคในเลือดจะลดลงอย่างมาก จึงไม่ก่อให้เกิดสารที่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง นอกจากนี้ เส้นใยและเกลือแร่ในอาหารพืชผักยังสามารถกำจัดสารที่เป็นอันตรายออกจากกระแสเลือดได้ด้วย เลือดที่ได้รับการทำความสะอาดแล้วนี้จะสามารถทำงานตามหน้าที่ของมันได้อย่างสมบูรณ์ นั่นคือกระบวนการสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์เก่าและเผาผลาญพลังงานส่งธาตุอาหารและอ็อกซิเจนไปตามส่วนต่าง ๆ ได้อย่างเพียงพอ ทำให้อวัยวะต่าง ๆ แข็งแรงกระปรี้กระเปร่า ผิวพรรณก็จะแข็งแรงและเปล่งปลั่ง มีความนุ่มลื่นและยืดหยุ่นดี
เคล็ดลับในการดูแลตัวเองของดาราหญิงในฮอลลีวูดหลายคนมักจะมีสูตรอยู่ข้อหนึ่งเสมอ คือในแต่ละสัปดาห์ต้องงดอาหารเนื้อสัตว์หนึ่งวัน เพราะพวกเธอต้องการให้เลือดสะอาดขึ้น และทุก ๆ วันก็พยายามกินเนื้อสัตว์ให้น้อย เห็นผิวสวย ๆ ของพวกเธอแล้ว ผู้หญิงทั้งหลายจะไม่ลองมาเสริมความงามด้วยการลองกินอาหารมังสวิรัติกันบ้างหรือ
ปัจจุบันนี้มีผู้ที่สนับสนุนการกินอาหารมังสวิรัติกันมากขึ้นเรื่อย ๆ บางคนกินมังสวิรัติด้วยเหตุผลทางศาสนา ในขณะที่บางคนกินเพื่อสุขภาพ แต่ก็สรุปได้ว่าการกินอาหารแบบมังสวิรัติเป็นรูปแบบไลฟ์สไตล์อย่างหนึ่งที่กลายเป็นกระแสของการรักสุขภาพในยุคนี้ไปแล้ว
เขียนโดย 佚名
ที่มา http://rufodao.qq.com/a/20161201/024572.htm
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ทำไมผมจึงเลิกกินเนื้อสัตว์
วันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลาประมาณบ่ายโมง ผมกุมมือแม่อยู่ข้างเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล พร่ำพูดที่ข้างหูของแม่ว่าให้นึกถึงความดี...
-
โลกเรานี้ยังมีชนเผ่าที่แปลก ๆ อยู่ไม่น้อยเลย หลาย ๆ ชนเผ่ามีเอกลักษณ์ที่ประหลาดพิสดารอย่างเหลือเชื่อ เช่น มีชนเผ่าหนึ่งอยู่บนเกา...
-
ถั่วลิสงเป็นอาหารที่คนจีนนิยมกินกันมาแต่โบราณ ว่ากันว่า การกินถั่วลิสงสามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดและป้องกันโรคหัวใจ...
-
ใกล้จะครบสามเดือนแล้วที่ฉันได้เลิกกินเนื้อสัตว์ บางคนคิดว่าฉันเลิกเนื้อสัตว์เพื่อรักษาสุขภาพ บางคนก็คิดว่าฉันต้องการรักษารูปร่าง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น