26 มิ.ย. 2560

ทำดีจะได้ดีเมื่อไหร่



        ผมมีเพื่อนคนหนึ่ง เรารู้จักกันมาสิบกว่าปีแล้ว ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมาเขาเป็นนักปฏิบัติธรรมที่จริงจังมาอย่างต่อเนื่อง ปกตินอกจากจะศึกษาธรรมะทุกวันแล้ว ทุกสัปดาห์ยังให้ทาน ปล่อยสัตว์อยู่เสมอ ทำกุศลอยู่เป็นประจำ เพื่อน ๆ ในกลุ่มของเราต่างชื่นชมเขามาก ผมเริ่มมาศึกษาธรรมะก็เพราะได้รับอิทธิพลจากเขานี่แหละ มีอยู่ครั้งหนึ่ง เราได้สนทนาปัญหาเรื่องเกิดแก่เจ็บตายกัน เขาตอบอย่างสบาย ๆ เลยว่าเรื่องเหล่านี้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องไปกลัวหรือหลีกหนีมันหรอก เพื่อน ๆ ในกลุ่มที่ฟังอยู่ด้วยกันต่างประทับใจกันมาก รู้สึกว่าเขามีความเข้าใจธรรมะอย่างลึกซึ้ง และตั้งใจจะเรียนรู้ตามอย่างเขากันทั้งนั้น

        ครั้งนั้นเราคุยกันสารพัดเรื่อง อภิปรายธรรมะต่าง ๆ ของศาสนาพุทธด้วยกัน เข้าถึงปัญญาหลายข้อจากธรรมะ ตอนนี้มานึกย้อนกลับไปมันเป็นประสบการณ์ที่พิเศษมาก แต่ประมาณครึ่งปีหลังจากนั้น ผมได้ข่าวว่าเขาเลิกปฏิบัติธรรมแล้ว เขาบอกผมว่าเขาป่วยเป็นโรคร้ายแรง และจะไม่ปฏิบัติธรรมอีกแล้ว เพราะเขาปฏิบัติธรรมมาก็ไม่ได้รับผลแห่งกุศลใด ๆ เลย สุดท้ายก็ต้องมาป่วยเป็นโรคร้ายแรงที่รักษาไม่หาย และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็เสียชีวิต

        อันที่จริง ส่วนของบุญและกุศลจะมีมาตามเหตุ ผลแห่งกุศลก็เหมือนกับเมล็ดพันธุ์ของพืช ต่อเมื่อเราได้วางมันลงสู่ดิน ค่อย ๆ รดน้ำให้มัน มันถึงจะค่อย ๆ เจริญงอกงามขึ้น ผลดีแห่งกุศลวิบากก็เช่นกัน เราเริ่มทำจากสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตก่อน ค่อย ๆ พัฒนาให้เจริญขึ้นตามกาลเวลา ผลของกุศลจะสั่งสมมากขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ผลนั้นก็จะค่อย ๆ ปรากฏให้เราเห็นได้ เวลาที่เราสงสัยว่าเราได้รับผลแห่งกุศลหรือไม่ ก็ต้องถามตัวเองก่อนว่าได้วางเมล็ดพันธุ์หยั่งลงในดินแล้วหรือยัง

        ในปีที่เพื่อนผมเสียชีวิตนั้น ผมรู้สึกเสียใจมาก ตอนนั้นผมเองก็ได้หยุดปฏิบัติธรรมไประยะหนึ่งเหมือนกัน เพราะการตายของเพื่อนทำให้ผมเศร้ามาก แต่ช่วงนั้นเองที่ภรรยาของเพื่อนคนนี้มาบอกผมว่า "ความจริงเขาได้รับผลแห่งบุญกุศลมากมายแล้ว เพราะเขาป่วยเป็นโรคนี้มานานมาก หมอบอกว่าจะอยู่ได้อีกแค่หกเดือน แต่คนในครอบครัวไม่มีใครบอกเรื่องนี้ให้เขารู้เท่านั้น" ตอนที่เขาป่วยเขามีอายุ 47 ปี เหลืออายุขัยอีกแค่ครึ่งปี แต่มาตายจริง ๆ ตอนอายุ 60 ปี

        นั่นก็คือผลแห่งบุญกุศลที่เขาได้รับ เพียงแต่ผลนั้นเกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ โดยที่เขาไม่รู้ตัวเท่านั้น ดังนั้น ขอให้เราตั้งใจทำกุศลเถิด ค่อย ๆ หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งกุศลลงไป แล้ววันใดวันหนึ่ง เมื่อถึงเวลาที่เรามีความจำเป็น มันจะให้ผลแก่เราในรูปแบบต่าง ๆ ตามเหตุปัจจัยอย่างแน่นอน 


เขียนโดย 伴禅君
ที่มา http://foxue.qq.com/a/20170625/012495.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ทำไมผมจึงเลิกกินเนื้อสัตว์

        วันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลาประมาณบ่ายโมง ผมกุมมือแม่อยู่ข้างเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล พร่ำพูดที่ข้างหูของแม่ว่าให้นึกถึงความดี...